ชาวญี่ปุ่นนับหมื่นคนร่วมลงชื่อรณรงค์ให้บริษัทต่าง ๆ ยกเลิกธรรมเนียมการแต่งตัวที่บังคับให้ผู้หญิงต้องสวมใส่รองเท้าส้นสูงในที่ทำงาน
ยูมิ อิชิคาวะ เริ่มรณรงค์ให้บริษัทต่าง ๆ ยกเลิกธรรมเนียมการแต่งตัวที่บังคับให้ผู้หญิงต้องสวมใส่รองเท้าส้นสูงในที่ทำงาน โดยเธอยกตัวอย่างระเบียบการทำงานของสถานที่รับจัดงานศพ ซึ่งตัวเธอทำงานอยู่ จากนั้นไม่นานก็ผู้แชร์ทวีตของเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปมากถึงกว่า 30,000 ครั้ง และมีผู้ร่วมลงชื่อรณรงค์ในแคมเปญนี้แล้วราว 20,000 คน
แคมเปญนี้ถูกขนานนามว่าเป็นการเคลื่อนไหว 'คูทู' (#KuToo) ที่เล่นคำระหว่าง 'คุทสึ' ที่แปลว่ารองเท้า และ 'คุทสึอุ' ที่แปลว่าความเจ็บปวด รวมเข้ากับกระแส 'มีทู' (#MeToo) ซึ่งผู้ร่วมลงชื่อหรือเห็นด้วยกับแคมเปญนี้ล้วนแต่ระบุว่า การสวมใส่รองเท้าส้นสูงกลายเป็นสิ่งจำเป็นในการสมัครงานของหญิงสาวในญี่ปุ่นไปเสียแล้ว ทั้งที่มันไม่ควรเป็นมาตรฐานของสังคม หรือเกณฑ์ใช้ตัดสินความสามารถบุคคล หรือแม้แต่การตัดสินไปว่า การสวมใส่รองเท้าส้นเตี้ยคือไม่มีมารยาท
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นไม่ใช่ประเทศเดียวที่มีวัฒนธรรมองค์กรที่คาดหวังให้ผู้หญิงใส่ส้นสูง โดยเมื่อปี 2015 เลขานุการในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก็เคยถูกไล่กลับบ้านแบบไม่ได้รับค่าจ้างในวันนั้น เพียงเพราะเธอปฏิเสธที่จะใส่ส้นสูง และก่อนหน้านี้ก็เคยมีแคมเปญลักษณะเดียวกันนี้ในอังกฤษมาแล้ว จนประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงระเบียบการแต่งกายของหลายบริษัทเอกชน
ขณะที่ ในประเทศโลกตะวันตกอีกประเทศอย่าง แคนาดา ก็เคยมีการปรับเปลี่ยนเกณฑ์การแต่งตัวเช่นกัน โดยรัฐบาลท้องถิ่นรัฐบริติชโคลัมเบียระบุว่าการใส่ส้นสูงอาจทำให้ลูกจ้างเสี่ยงบาดเจ็บทางกายภาพ จึงขอยกเลิกระเบียบการแต่งกายแบบเดิม นับตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา