ซิลิคอน แวลลีย์ ซึ่งเป็นพื้นที่ทางตอนใต้ของพื้นที่อ่าวซานฟรานซิสโก และเป็นที่ตั้งของบริษัท เทคโนโลยีมากมายหลายแห่ง แต่ตอนนี้กำลังจะเป็นที่ดินที่จมอยู่ใต้ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดน้ำท่วมรุนแรงในหลายปีจากนี้
รายงานของวารสาร Science Advances ระบุว่า การจมหรือการทรุดตัวของพื้นดินในซิลิคอน แวลลีย์ บวกกับระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลให้อาณาจักรเทคโนโลยีแห่งนี้ เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมรุนแรงถึงสองเท่าในปี 2100 โดยซิลิคอน แวลลีย์นั้น เป็นพื้นที่ทางตอนใต้ของพื้นที่อ่าวซานฟรานซิสโก ซึ่งในขณะนี้ชายฝั่งแถบอ่าวซานฟรานซิสโกส่วนใหญ่ก็ค่อยๆจมลงราว 2 มิลลิเมตรต่อปี และในหลายพื้นที่ก็พบว่ามีอัตราการทรุดตัว 10 มิลลิเมตร หรือราว ครึ่งนิ้วต่อปีอีกด้วย
ทั้งนี้ความเสี่ยงที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ก็มาจากสิ่งก่อสร้าง ที่ส่วนใหญ่จะสร้างในบริเวณที่มีการถมที่ขึ้นมา เช่นสนามบินนานาชาติซานฟรานซิสโก ซึ่งรองรับการจอดเทียบของเครื่องบินปีละกว่า 200,000 เที่ยว และจำนวนผู้โดยสารผ่านสนามบินอีกว่า 56 ล้านคนต่อปี //นอกจากนี้จุดที่น่าเป็นห่วงอีกหนึ่งจุดก็คือ ฟอสเตอร์ ซิตี้ ที่ครอบคลุมพื้นที่ระหว่างซานฟรานซิสโก และ แซนโฮเซ
นอกจากนี้นับตั้งแต่ราคาอสังหาริมทรัพย์ในซานฟารซิสโกมีราคาสูงขึ้น ส่งผลให้มีการเพิ่มจำนวนของการก่อสร้างบริษัทต่างๆ จนเกิดความเสี่ยงต่อแผ่นดินยุบตัว อย่างเช่นเกาะ Treasure Island ที่ตั้งอยู่ระหว่าง ซานฟราซิสโก และโอ๊คแลนด์ ก็ยุบตัวลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน ราว 12-20 มิลลิเมตรต่อปีเลยทีเดียว
และที่สำคัญจากการศึกษาก่อนหน้านี้ ไม่ได้คำนึงถึงการจมลงของพื้นดินว่าอย่างน้อยราว 51 ตารางกิโลเมตรของชายฝั่งซานฟรานซิสโก จะเผชิญกับความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมภายในปี 2100 ซึ่งขณะนี้นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่าปัจจุบัน มีพื้นที่ถูกคุกคามจากน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 125 ตารางกิโลเมตรแล้ว และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น เกิดจากการที่น้ำแข็งละลายประมาณกินพื้นที่กว่า 413 ตารางกิโลเมตร และจะมีความเสียงต่อน้ำท่วมใหญ่ในปลายศตวรรษนี้