แอปเปิลประกาศเปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ประจำปี 2561 ซึ่งมีทั้งแอปเปิลวอตช์ซีรีส์ 4 และไอโฟนรุ่นใหม่อีก 3 รุ่น
เมื่อคืนที่ผ่านมา (12ก.ย.61) ในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของแอปเปิลประจำปีนี้ ได้งานจัดขึ้นภายในบริเวณ สตีฟจอบส์เธียเตอร์ สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของแอปเปิล ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ที่เพิ่งจะสร้างเสร็จและเปิดให้เข้าเยี่ยมชมอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ในงานนี้ แอปเปิลได้เปิดตัวอุปกรณ์ใหม่หลายรุ่นด้วยกัน
แอปเปิลเปิดงานด้วยภาพวิดีโอที่เผยให้เห็นความอลังการของสตีฟจอบส์เธียเตอร์ โดยมี ทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิล พร้อมเปิดตัวอุปกรณ์ทีละชิ้น โดยเริ่มจากแอปเปิลวอตช์รุ่นใหม่ ซึ่งพัฒนาต่อยอดมาจากซีรีส์ 3 โดยในรุ่นนี้ใช้ชื่อว่า แอปเปิลวอตช์ ซีรีส์ 4 มาพร้อมกับการอัปเกรดหน้าปัดนาฬิกาให้ใหญ่ขึ้นกว่า 32 - 35 เปอร์เซ็นต์ ทั้ง 2 รุ่น จากหน้าจอ 38 และ 42 มิลลิเมตร เป็นขนาดใหม่ 40 และ 44 มิลลิเมตร รวมทั้งปรับขอบจอให้โค้งมนมากขึ้น พร้อมลำโพงสำหรับการสนทนาที่ดังขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ และยังเปลี่ยนมาใช้ชิปแอปเปิล S4 ที่ช่วยให้การประมวลผลเร็วขึ้น 2 เท่า พร้อมปุ่มควบคุมด้านข้างตัวเครื่องที่เพิ่มระบบ haptic feedback พร้อมกับฟีเจอร์พิเศษ สามารถตรวจจับคลื่นไฟฟ้าของหัวใจ ร่วมกับอัตราการเต้นของหัวใจ รวมทั้งตรวจจับการลื่น ล้ม หรือสะดุด และระบบจะส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือทันทีเมื่อผู้สวมใส่ไม่มีการเคลื่อนไหวหรือตอบสนองภายใน 1 นาที สำหรับเซนเซอร์ด้านหลังได้ออกแบบใหม่ พร้อมใช้วัสดุดีขึ้นเป็นเซรามิกและแซฟไฟร์คริสตัล ตัวเครื่องบางลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งถือเป็นการปรับดีไซน์ครั้งใหญ่ของแอปเปิลวอตช์ตั้งแต่รุ่นแรกในปี 2014
ไอโฟนรุ่นใหม่ ในปีนี้แอปเปิลใช้ชื่อว่า 'ไอโฟนเทนเอส (iPhone Xs)' และ 'ไอโฟนเทนเอสแม็กซ์ (iPhone Xs Max)' สองรุ่นเรืองธงของปีนี้ที่พัฒนาต่อยอดมาจากไอโฟนเทน โดยรุ่นเทนเอส มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.8 นิ้ว เท่าไอโฟนเทน และแบตเตอรี่อยู่ได้นานกว่าไอโฟนเทน 30 นาที ส่วนรุ่นเทนเอสแม็กซ์ มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว แบตเตอรี่อยู่ได้นานกว่าไอโฟนเทน 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งไอโฟนใหม่ทั้งสองรุ่นใช้หน้าจอ OLED แบบ Super Retina HD และสเปกข้างในเครื่องเหมือนกันแทบทุกประการ โดยใช้ชิปเซ็ต A12 Bionic ประมวลผลเร็วขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ GPU 4-core เร็วขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ และยังใช้พลังงานน้อยลงกว่าไอโฟนเทนถึง 50 เปอร์เซ็นต์ สำหรับกล้องให้มาเป็นกล้องคู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันสั่น OIS ถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K เพิ่มความสามารถในการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้สวยเนียนยิ่งขึ้น และสามารถปรับโบเก (Bokeh) และระยะชัดลึก ชัดตื้น รวมทั้งปรับค่ารูรับแสงภายหลังจากถ่ายพอร์ตเทรตโหมดได้ตามใจชอบ อีกสิ่งหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาตามข่าวลือ คือการรองรับสองซิม โดยรุ่นทั่วไปจะเป็น eSIM และ Nano SIM ส่วนในจีนนั้นจะวางขายรุ่นพิเศษ ซึ่งจะรองรับ nano SIM ได้ถึงสองซิม นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาผู้ช่วยคำสั่งเสียงสิริในเครื่อง ให้สามารถปรับตั้งค่าการใช้งานได้ตามใจชอบมากขึ้น รวมทั้งรองรับเทคโนโลยีเออาร์ที่ชาญฉลาดขึ้น มีให้เลือก 3 ความจุ คือ 64 , 256 และสูงสุดที่ 512 กิกะไบต์
นอกจากนี้ แอปเปิลยังได้เซอร์ไพรส์กลางงานด้วยการเปิดตัวไอโฟนใหม่อีกหนึ่งรุ่น นั่นก็คือ 'ไอโฟนเทนอาร์ (iPhone XR)' ที่สเปกจะรองลงมาจากทั้งสองรุ่นที่เปิดตัวก่อนหน้า ในราคาที่ถูกลงกว่านิดหน่อย แต่การออกแบบและรูปลักษณ์ภายนอกถือว่าได้ปรับไปตามยุคสมัยใหม่ของไอโฟนแล้ว โดยมาพร้อมกับหน้าจอ LCD แบบใหม่ Liquid Retina Display ขนาด 6.1 นิ้ว ที่แอปเปิลระบุว่าเป็นหน้าจอ LCD ที่ดีที่สุดในท้องตลาด โดยในรุ่นนี้ให้กล้องหลักแบบเลนส์เดี่ยวมาที่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ถ่ายวิดีโอความคมชัดระดับ 4K ตัวเดียวกันแบบในไอโฟนเทสเอส ความสามารถใกล้เคียงกัน แต่อาจจะยังขาดฟีเจอร์และลูกเล่นอื่น ๆ ที่ไอโฟนเทนเอสล้ำกว่า ตัวเครื่องผลิตจากวัสดุอลูมิเนียมและฝาด้านหลังเป็นกระจกรองรับการชาร์จแบบไร้สาย ใช้ชิปเซ็ต A12 Bionic แบบ 7 นาโนเมตร ซึ่งเร็วกว่า A11 Bionic มากสุดถึง 9 เท่า และมี Neural Engine สำหรับการประมวลผลด้านแมชชีนเลิร์นนิงโดยเฉพาะ
สำหรับงานเปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ของแอปเปิลในครั้งนี้ อาจจะยังไม่เป็นที่ฮือฮาหรือตื่นเต้นสำหรับแฟน ๆ แอปเปิลมากนัก เนื่องจากอุปกรณ์ทั้งหมดเปิดตัวออกมาเหมือนกันกับข่าวลือ และภาพหลุดที่ปล่อยออกมาให้ได้เห็นก่อนหน้านี้ ซึ่งถือว่าค่อนข้างแม่นยำกว่างานเปิดตัวเมื่อหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา และโดยสรุปแล้วราคาอุปกรณ์ของแอปเปิลในปีนี้มีทั้งรุ่นที่สมราคากับรุ่นที่ราคาพุ่งสูงทะลุเพดานไอโฟนเทน โดยแอปเปิลวอตช์ ซีรีส์ 4 ราคาเริ่มต้นที่ 399 ดอลลาร์ หรือประมาณ 13,000 บาท มีให้เลือก 3 สี คือสีเงิน สีเทา และสีทอง ไอโฟนเทนเอส มีให้เลือก 3 สี คือสีเทา สีเงิน และสีทอง ราคาเริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์ หรือราว 33,000 บาท ไอโฟนเทนเอสแม็กซ์ ราคาเริ่มต้นที่ 1,099 ดอลลาร์ หรือราว 36,000 บาท และไอโฟนเทนอาร์ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุด มีให้เลือก 6 สี คือ สีขาว ดำ น้ำเงิน เหลือง ส้ม และสีแดงโปรดักเรด ราคาเริ่มต้นที่ 749 ดอลลาร์ หรือราว 25,000 บาท แอปเปิลเริ่มให้สั่งจองสินค้าในต่างประเทศได้แล้ว ซึ่งในไทยยังไม่ระบุวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ และคาดว่าสินค้าจะเข้าไทยในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งหากรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วราคาจะปรับสูงขึ้นอย่างแน่นอน
Source
YouTube/Apple