ท่ามกลางความตื่นเต้นและการประกาศนับถอยหลัง 1 ปี สู่โอลิมปิกโตเกียว 2020 นักรณรงค์ต่อต้านโอลิมปิกออกมาให้ความเห็นว่ามหกรรมกีฬาระดับโลกนี้จะทำให้ทุกคน 'เป็นผู้แพ้'
นักรณรงค์ต่อต้านกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก 'โตเกียว 2020' หลายคน ออกมาประกาศจุดยืนไม่สนับสนุน และชี้ว่ามหกรรมกีฬาครั้งนี้จะส่งผลเสียต่อทั้งปัจเจกบุคคลและธุรกิจห้างร้าน เนื่องจากการจัดงานต้องใช้งบประมาณที่สูง และจะกลายเป็นผลประโยชน์สำหรับคนกลุ่มเล็ก ๆ ในบางแวดวงเท่านั้น เช่น ชนชั้นนำทางการเมือง เศรษฐกิจ และสื่อสารมวลชน โดยการแถลงจุดยืนนี้มีขึ้นที่งานประชุมสมาคมนักข่าวต่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือ FCCJ
นักรณรงค์และกลุ่มรณรงค์ต่อต้านโอลิมปิกนี้ รวมถึงกลุ่มฮังโกริน โนะ ไค ของญี่ปุ่น กลุ่มโนลิมปิก แอลเอ จากสหรัฐฯ และ จูลส์ บอยคอฟฟ์ อดีตนักกีฬาชาวอเมริกัน ที่ทำวิจัยเกี่ยวกับ 'การเมืองในโอลิมปิก' มายาวนาน ด้านฮังโก โนะ ไค ระบุว่า การจัดงานในช่วงกลาง 'ฤดูร้อนอันตราย' จะส่งผลเสียต่อร่างกายนักกีฬา ผู้ชม และอาสาสมัครอำนวยความสะดวก นอกจากนี้ การแทรกแซงวิถีการจราจรและขนส่งมวลชนปกติ รวมถึงการไล่ที่คนไร้บ้าน โดยไม่มีการจัดสรรพื้นที่ให้ใหม่อย่างเป็นสัดส่วน ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างหนึ่งได้
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการอ้างถึงการก่อสร้างสนามกีฬาหลักที่จะใช้ทำพิธีเปิดปิดการแข่งขัน ว่าใช้ไม้ที่ตัดอย่างผิดกฎหมายจากป่าฝนอนุรักษ์อีกด้วย ขณะที่ บอยคอฟฟ์ กล่าวว่าทุก ๆ การแข่งขันโอลิมปิกจะมีการใช้งบประมาณเกินจากที่ตั้งไว้เสมอ การใช้ทรัพยากรผิดวัตถุประสงค์ ยุทธาภิวัฒน์กับงานตำรวจ หรือก็คือ เมื่อตำรวจใช้แนวทางการทหารในการปฏิบัติหน้าที่ ปัญหาคอร์รัปชัน และปัญหาการฟอกเขียว (Greenwashing) หรือก็คือ การสร้างภาพลักษณ์ว่ารับผิดชอบต่อสังคมโดยการรักษาสิ่งแวดล้อม แต่ความจริงไม่ใช่ ทั้งหมดนี้ทำให้นักรณรงค์ต่อต้านฯ ยืนยันว่า สุดท้ายแล้วพลเมืองในกรุงโตเกียวจะได้ไม่คุ้มเสีย และวัฏจักรเช่นนี้จะมีต่อไปเรื่อย ๆ