ไม่พบผลการค้นหา
World Trend - 'เจย์-ซี' ขึ้นแท่นแรปเปอร์มหาเศรษฐีคนแรก - Short Clip
World Trend - ญี่ปุ่นแก้กม.หลังพบเด็กถูกทำร้ายมากเป็นประวัติการณ์ - Short Clip
World Trend - 'โทรแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย' ข้อจำกัดของลำโพงอัจฉริยะ - Short Clip
World Trend - เมื่อ 'โรคอ้วน' ไม่ได้เกิดจากตัวบุคคลเสมอไป - Short Clip
World Trend - ความเจริญของเอไอทำร้ายประเทศกำลังพัฒนา? - Short Clip
World Trend - รีอานนาส่ง Fenty ร่วมเครือแบรนด์หรู LVMH - Short Clip
World Trend - เมื่อเทคโนโลยีจีนทิ้งผู้สูงอายุไว้ข้างหลัง - Short Clip
World Trend - หุ่นยนต์สำรวจจำลองการทำงานของฝูงมด - Short Clip
World Trend - 'สตรีมเมอร์จีน' กับอิสรภาพออนไลน์ที่มีข้อจำกัด - Short Clip
World Trend - ​Google จ่ายค่าแรง 'ผู้ชาย' น้อยกว่า 'ผู้หญิง' - Short Clip
World Trend - 'หม่า' เผย สงครามการค้า กระทบการสร้างงานในสหรัฐฯ - Short Clip
World Trend - คาดแอปเปิล ผลิตแม็คบุ๊กแบบทัชสกรีน - Short Clip
World Trend - อังกฤษปรับ 'เพศศึกษา' ให้ครอบคลุมกว้างกว่าเดิม - Short Clip
World Trend - 'Monsenso' แอปฯ ตรวจสุขภาพจิตแบบเรียลไทม์ - Short Clip
World Trend - 'อ้ายฉีอี้' เปิดตัวแอปฯ ใหม่ เจาะตลาดผู้สูงวัย - Short Clip
World Trend - ‘เรียนรู้-อนุรักษ์’ เทรนด์ท่องเที่ยวปี 2019 - Short Clip
World Trend - บริษัทอังกฤษเปิดตัวแทร็กเตอร์ไร้คนขับ - Short Clip
World Trend - YouTube เก็บข้อมูลเด็กโดยไม่รับอนุญาต - Short Clip
World Trend - แฟชั่นไอคอน 'คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์' เสียชีวิตแล้ว - Short Clip
World Trend - เฟซบุ๊กปรับดีไซน์ รองรับเพจธุรกิจท้องถิ่นมากขึ้น - Short Clip
World Trend - แอร์โฮสเตสฮ่องกงรณรงค์ต่อต้านคุกคามทางเพศเหนือน่านฟ้า - Short Clip
Dec 13, 2018 00:17

พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินในฮ่องกงรวมตัวรณรงค์ต่อต้านการคุกคามทางเพศ พร้อมระบุว่าผู้ก่อเหตุมีทั้งผู้โดยสารและเพื่อนร่วมงาน นอกจากนั้น 'โฆษณาสายการบิน' ที่เน้นพนักงานหน้าตาสวย ยังทำให้ถูกมองไม่ต่างจาก 'วัตถุทางเพศ' จึงเสนอให้มีการเปลี่ยนกฎเรื่องเครื่องแต่งกาย

"แอร์โฮสเตสต้องปรากฏตัวพร้อมเครื่องแบบและภาพลักษณ์ที่ดูดี ทั้งรองเท้าส้นสูงและเครื่องสำอาง ทำให้คนมีจินตนาการต่าง ๆ นานาเกี่ยวกับคนที่อยู่ในอาชีพนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เปลี่ยนกันได้ยาก แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะนำมาใช้ประพฤติตัวแย่ ๆ"

นี่เป็นคำพูดที่ วีนัส ฟง พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินชาวฮ่องกง วัย 29 ปี ซึ่งปัจจุบันทำงานให้กับสายการบินแห่งหนึ่งของยุโรป ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพี เพื่อบอกเล่าเหตุผลที่เธอเข้าร่วมกับสหภาพแรงงานกลางพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินแห่งฮ่องกง หรือ CAUH รณรงค์ให้มีการอบรมและเสนอมาตรการคุ้มครองพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินให้ปลอดภัยจากการถูกคุกคามหรือล่วงละเมิดทางเพศในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ โดยเธอบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินไม่ได้มาจากผู้โดยสารเพียงอย่างเดียว แต่มาจากเพื่อนร่วมงานหรือผู้บังคับบัญชาด้วย

โดยฟงกล่าวกับเอเอฟพีว่า 'แอร์โฮสเตสต้องปรากฏตัวพร้อมเครื่องแบบและภาพลักษณ์ที่ดูดี ทั้งรองเท้าส้นสูงและเครื่องสำอาง ทำให้คนมีภาพจำบางอย่างเกี่ยวกับคนที่อยู่ในอาชีพนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เปลี่ยนกันได้ยาก แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะนำมาใช้ประพฤติตัวแย่ ๆ ต่อกัน'

ฟงยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ในสมัยที่เธอเพิ่งเริ่มปฏิบัติหน้าที่กับสายการบินแห่งนี้ใหม่ ๆ เธอเคยถูกพนักงานชายซึ่งเป็นรุ่นพี่แตะหน้าอก เอว และบั้นท้ายอย่างจงใจ พร้อมกล่าวชมว่าเธอมีรูปร่างดี ซึ่งเธอรู้สึกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก และหวาดกลัวว่าจะถูกคุกคามเช่นนั้นอีก จึงพยายามขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าสายงาน แต่หัวหน้ากลับห้ามไม่ให้เธอร้องเรียนเรื่องดังกล่าว ไม่เช่นนั้นเขาจะรายงานว่าเธอนุ่งกระโปรงรัดรูปผิดกฎสายการบิน

หลังจากนั้น ฟงเลือกที่จะสวมเครื่องแบบที่เป็นกางเกงระหว่างปฏิบัติหน้าที่บนเครื่องบิน และเมื่อทำงานได้ระยะหนึ่งก็เริ่มมีประสบการณ์ในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ มากขึ้น จึงตัดสินใจว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงทัศนคติของคนในฮ่องกงให้ได้ รวมถึงต้องการเรียกร้องให้สายการบินต่าง ๆ มีแนวทางที่ชัดเจนเรื่องการป้องกันและคุ้มครองพนักงานทุกระดับไม่ให้ตกเป็นเหยื่อการคุกคามหรือล่วงละเมิดทางเพศ

ฟงระบุว่า นโยบายด้านสวัสดิการและมาตรฐานความปลอดภัยของสายการบินหลายแห่งนั้นดีอยู่แล้ว ยกเว้นก็แต่เรื่องนี้ที่ไม่ชัดเจน ไม่มีแนวทางปฏิบัติให้แก่พนักงานว่าจะป้องกันตัวเองหรือร้องเรียนเอาผิดผู้ก่อเหตุได้อย่างไรในกรณีที่เกิดการคุกคามทางเพศขึ้นมา เธอย้ำว่าการศึกษาและให้ความรู้เป็นกุญแจสำคัญที่จะเปลี่ยนทัศนคติผู้คน ซึ่งแม้จะยากและไม่อาจเปลี่ยนกันได้ในข้ามคืน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราควรจะอยู่เฉย ๆ และไม่ทำอะไรกับมันเลย

ด้าน ดอร่า ไหล ประธานสหภาพแรงงานพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค เป็นอีกคนหนึ่งที่รณรงค์เคลื่อนไหวในฮ่องกงเพื่อต่อต้านการคุกคามทางเพศพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่บนเครื่องบิน เปิดเผยกับเอเอฟพีว่า โฆษณาต่าง ๆ เกี่ยวกับบริการของสายการบิน มุ่งเน้นที่หน้าตาและความสวยงามดึงดูดใจของพนักงานต้อนรับมากกว่าจะมุ่งเน้นทักษะและความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว การบริการที่สำคัญที่สุดคือการนำพาผู้โดยสารไปยังจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย

กรณีที่สายการบินโฆษณาเรื่องรูปร่างหน้าตาของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในระยะหลัง ๆ ที่กระแสต่อต้านการคุกคามทางเพศ #MeToo เริ่มจุดติดในหลายพื้นที่ทั่วโลก เสียงเรียกร้องให้ปฏิบัติต่อบุคคลเพศต่าง ๆ อย่างเท่าเทียมกันจึงดังขึ้นเรื่อย ๆ

ตัวอย่างเช่น กรณีของ 'เวียตเจ็ต' สายการบินราคาประหยัดแห่งเวียดนาม ซึ่งคัดเลือกพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่หน้าตาสวยงามมาถ่ายแบบชุดว่ายน้ำเพื่อจัดทำเป็นปฏิทินแจกผู้โดยสาร ทั้งยังมีการจัดทริปเปิดเส้นทางบินโดยให้พนักงานหญิงใส่ชุดบิกินี เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทำให้เวียตเจ็ตถูกโจมตีอย่างหนักจนต้องออกแถลงการณ์ขอโทษต่อสาธารณะที่ใช้เรือนร่างของผู้หญิงมาเป็นจุดขายทางการตลาด

นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่สมาคมพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินในสหรัฐฯ เรียกร้องให้สายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ปรับแก้กฎใหม่ให้พนักงานหญิงสามารถสวมกางเกงขณะปฏิบัติหน้าที่ได้เมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้เดือนมีนาคมที่ผ่านมา 'คาเธ่ย์ แปซิฟิค' รับลูกต่อด้วยการประกาศยกเลิกข้อบังคับของสายการบินที่ระบุว่าพนักงานหญิงจะต้องสวมเครื่องแบบที่เป็นกระโปรงระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นกฎที่บังคับใช้มานานกว่า 70 ปี

ด้านดอร่า ไหล มองว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวยังไม่เพียงพอ เพราะยังมีข้อบังคับอีกหลายข้อที่ระบุว่าพนักงานต้องปรุงแต่งภาพลักษณ์ให้สวยงามเพื่อเป็นหน้าเป็นตาแก่สายการบิน เช่น สมาชิกสหภาพแรงงานฯ หลายคนอยากยกเลิกข้อบังคับที่ระบุให้พนักงานหญิงซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ต้องเติมอายแชโดว์และลิปสติกอยู่เสมอ รวมถึงทาเล็บสีสุภาพตามที่สายการบินกำหนด ส่วนพนักงานชายถูกห้ามใช้เครื่องสำอาง แต่มีเงื่อนไขว่าต้องบำรุงหน้าตาให้ดูสดใสอยู่เสมอเช่นกัน ทางสหภาพฯ กำลังเรียกร้องให้สายการบินยกเลิกข้อบังคับเรื่องยาทาเล็บทิ้งไป 

อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญที่สุดคือสายการบินต้องจัดฝึกอบรมและให้ความรู้แก่พนักงานว่าต้องทำอย่างไร เพื่อจะรับมือหรือป้องกันการคุกคามทางเพศ ทั้งจากผู้โดยสารและเพื่อนร่วมงาน สายการบินจำเป็นจะต้องส่งเสริมกลไกการร้องเรียนและไต่สวนข้อเท็จจริง เพื่อนำไปสู่การลงโทษผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการคุกคามและละเมิดทางเพศ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมอย่างแท้จริง

ที่ผ่านมา ผู้ที่ถูกคุกคามหรือละเมิดทางเพศมักไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้บังคับบัญชาให้ดำเนินการร้องเรียน ทำให้พนักงานหลายคนรู้สึกอับอายและโกรธที่ไม่อาจตอบโต้ใดๆ ได้ สายการบินจึงต้องพิจารณาให้เกิดแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนในกรณีที่เกิดเหตุร้ายแรงและตักเตือนแล้วไม่เป็นผล ว่าควรจะเปิดช่องให้มีการแจ้งความดำเนินคดี หรือเรียกร้องให้ผู้ก่อเหตุขอโทษผู้ได้รับผลกระทบ ไม่ปล่อยให้พนักงานต้องทนกับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมเพียงลำพัง

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
185Article
76559Video
0Blog