ในยุคดิจิทัลที่การซื้อขายสินค้าออนไลน์เป็นเรื่องสะดวกสบาย ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกทยอยปิดตัวกันไป แต่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซกลับหันมาเปิดร้ายค้าปลีกเสียเอง เพื่อเสริมประสบการณ์เดินชอปปิ้งซื้อของ
บทวิเคราะห์ของ S&P Global Market Intelligenceระบุว่า นับตั้งแต่เริ่มต้นปี 2017 มีถึง 14 เครือห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกในสหรัฐฯ ได้ยื่นเอกสารล้มละลายและขอให้ศาลคุ้มครอง ซึ่งจะทำให้มีการปิดร้านค้าปลีกมากกว่า 400 ร้าน ถือว่าเป็นอัตราการปิดตัวที่สูงมากเป็นประวัติการณ์ สวนทางกับการเกิดใหม่ของร้านขายของออนไลน์ โดยเอส แอนด์ พีวิเคราะห์ว่า ร้านค้าปลีกหลายเจ้าไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์อี-คอมเมิร์ซที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆได้
ด้านผู้บริหาร Urban Outfitter บริษัทผลิตเสื้อผ้าของสหรัฐฯ มองว่า ปัจจุบัน มีร้านค้าปลีกมากเกินไป โดยเฉพาะร้านขายเสื้อผ้า จึงเกิดฟองสบู่ คล้ายกับฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ และเขาเชื่อว่า ฟองสบู่ร้านค้าปลีกกำลังจะแตกแล้ว และจะได้เห็นร้านค้าปลีกปิดตัวลงมากว่านี้
S&P Global Market Intelligence และ Credits Analytics ได้ประเมินความเสี่ยงว่าร้านค้าปลีกแต่ละประเภทจะต้องปิดตัวลงมากน้อยแค่ไหน โดยระบุว่า ห้างสรรพสินค้า ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และร้านเสื้อผ้าเสี่ยงจะปิดตัวมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 1.5 ขณะที่ร้านอาหารและอุปกรณ์สำหรับพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านมีความเสี่ยงน้อยที่สุด
ในทางกลับกัน ยักษ์ใหญ่แห่งอีคอมเมิร์ซอย่างแอมะซอนและอาลีบาบากลับทดลองเปิดร้านค้าปลีก เช่น ร้านหนังสือ หรือร้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพราะ eMarketer ได้สำรวจมาว่า แม้การซื้อขายออนไลน์จะได้รับความนิยมมากขึ้น จนมีการคาดการณ์ว่าแอมะซอนจะทำรายได้ถึง 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2018 แต่การใช้จ่ายทั่วโลกกว่าร้อยละ 90 ก็ยังเป็นการซื้อขายในร้านค้าปลีกอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม นิตยสาร Forbes และ Inc.com วิเคราะห์เหตุผลที่แอมะซอนเปิดร้านค้าปลีกว่าเป็นไปเพื่อตอกย้ำแบรนด์การขายสินค้าออนไลน์ของตนเอง โดยแอมะซอนพยายามจะให้การซื้อขายของในร้านค้าปลีกของตัวเองตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มากขึ้นด้วยการผสมผสานระหว่างร้านค้าปลีกดั้งเดิมกับเทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซ เช่นระบบออโตเมติกและเทคโนโลยีค้นหาจากฐานข้อมูล โดยผู้ซื้อสามารถเลือกซื้อสินค้าจากสมาร์ทโฟนของตัวเอง แล้วไปรับของที่ร้านได้เลย โดยไม่ต้องไปเดินหาสินค้าตามชั้นวางสินค้าเองให้เสียเวลา
สำหรับบางคนที่ยังต้องการจับต้องสินค้าหรือทดลองใช้ก่อนจึงจะมั่นใจ ร้านค้าปลีกนี้ก็จะทำให้ผู้ซื้อมั่นใจขึ้น เช่น สินค้าประเภทหนังสือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ ร้านค้าปลีกยังช่วยลดค่าจัดส่งสินค้าของแอมะซอนไปได้มาก และลูกค้าบางส่วนก็ไม่ต้องการรอสินค้า หรือเกรงว่าสินค้าจะเสียหายระหว่างการจัดส่ง จึงต้องการสั่งของแล้วไปรับด้วยตัวเองที่ร้านของแอมะซอนเอง
นอกจากนี้ การมีร้านค้าปลีกยังจะทำให้คนที่ไม่เคยใช้อีคอมเมิร์ซ มีโอกาสเข้าไปเลือกซื้อของในร้านได้ ซึ่งอาจเป็นอีกหนึ่งทางในการเชิญชวนให้คนกลุ่มนี้มั่นใจในแบรนด์แอมะซอนหรืออาลีบาบามากขึ้น จนนำไปสู่การสั่งสินค้าออนไลน์ด้วย