บริษัทเครื่องสำอางเกาหลีใต้มุ่งเป้าเจาะตลาดชาวมุสลิมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อลดการพึ่งพาลูกค้าจากจีน
หลังจีนแบนสินค้าเกาหลีใต้อย่างไม่เป็นทางการไปเมื่อช่วงต้นปี จากกรณีที่มีการติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธทาดในเกาหลีใต้ ซึ่งจีนเกรงว่า เรดาร์ของระบบทาดจะเข้าไปรุกล้ำอำนาจอธิปไตยในของจีน ทำให้บริษัทเกาหลีใต้ประสบปัญหาหนัก ต้องปิดสาขาในจีนไปจำนวนมาก ขณะที่บริษัทเครื่องสำอาง อมอร์แปซิฟิก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ยอดขายในไตรมาส 2 ตกลงถึงร้อยละ 40
บริษัทเครื่องสำอางเกาหลีใต้จึงพยายามหาฐานลูกค้าใหม่ๆ มาทดแทนลูกค้าชาวจีนที่เคยเป็นฐานลูกค้าหลักที่ทำรายได้ถึงร้อยละ 90 ของรายได้จากต่างประเทศ และตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็เป็นตลาดที่ใกล้เคียงและมีศักยภาพในการซื้อสินค้า โดยอมอร์แปซิฟิก กรุ๊ป ซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องสำอางแบรนด์ดังอย่าง Laneige (ลาเนจ) Sulwhasoo (ซอลวาซู) และ Innisfree (อินนิสฟรี) ตั้งเป้าว่า จะเพิ่มยอดขายในภูมิภาคนี้ขึ้นเป็น 3 เท่า ภายในปี 2020
อย่างไรก็ตาม การจะเจาะกลุ่มเป้าหมายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็จำเป็นต้องคำนึงถึงความแตกต่างด้านวัฒนธรรมและเชื้อชาติด้วย ซึ่งบริษัท อมอร์แปซิฟิก กรุ๊ป จะขยายเฉดสีที่เหมาะสมกับคนที่มีผิวเข้มมากขึ้น จากเดิมที่เน้นผลิตเครื่องสำอางที่เหมาะกับคนเกาหลีเท่านั้น นอกจากนี้ ยังต้องคิดค้นสูตรรองพื้นที่เป็นเนื้อแมทท์ เหมาะกับสภาพอากาศของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ ภูมิภาคนี้ยังมีชาวมุสลิมอยู่จำนวนมาก ทั้งอินโดนีเซีย มาเลเซีย และในไทย ก็มีชาวมุสลิมอยู่ไม่น้อย จึงตั้งเป้าว่าจะขอใบรับรองเครื่องสำอางฮาลาล เพื่อยืนยันว่า ไม่มีส่วนผสมของหมูและแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังต้องผลิตสินค้าที่เหมาะกับชาวมุสลิมด้วย เช่น ผู้หญิงมุสลิมจะล้างหน้าก่อนละหมาด 5 ครั้งต่อวัน ดังนั้น บริษัทก็จะคิดผลิตภัณฑ์สำหรับการล้างหน้าตัวใหม่ออกมา พร้อมกับเครื่องสำอางเบาบาง ง่ายต่อการล้างออก หรือการที่ผู้หญิงมุสลิมสวมฮิญาบ ทำให้พวกเธอเลือกใช้สีสันจัดจ้าน เช่น ใช้อายแชว์โดว์สีเขียว ลิปสติกสีเข้ม เพื่อเน้นจุดเด่นของใบหน้าที่ถูกเปิดเผยให้คนอื่นเห็น ซึ่งจะแตกต่างจากผู้หญิงเกาหลีที่ชอบใช้สีชมพู
เป้าหมายเพิ่มยอดขายนี้เป็นเพียงก้าวแรกในการบุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น อมอร์แปซิฟิก กรุ๊ป ยังวางแผนว่าจะตั้งโรงงานใหม่ในมาเลเซียในปี 2020 และจะเพิ่มร้านขายเครื่องสำอางอีก 150 แห่ง จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 250 แห่ง
อย่างไรก็ตาม การบุกตลาดในภูมิภาคนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เมื่อปี 2016 ภูมิภาคนี้ทำรายได้ต่ำกว่าร้อยละ 3 ของรายได้ทั้งหมดของอมอร์แปซิฟิก กรุ๊ปเท่านั้น แม้จะสามารถขยายตลาดได้ แต่ก็ไม่อาจทดแทนรายได้ที่สูญเสียไปจากจีน