ไม่พบผลการค้นหา
เยอรมนีเปิดใช้งาน eHighway ทางหลวงพลังงานไฟฟ้า ให้รถบรรทุกสามารถเชื่อมต่อกับแหล่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าด้านบนถนนเพื่อชาร์จไฟขณะรถวิ่งอยู่ได้ ช่วยประหยัดพลังงาน และลดการก่อมลพิษ

เยอรมนีเปิดทดลองใช้ระบบ eHighway เป็นครั้งแรกในประเทศ โดยระบบนี้จะจ่ายไฟฟ้ากระแสตรง 670 โวลต์ ให้กับรถบรรทุกไฮบริดที่มีแหนบรับไฟ (pantograph) ซึ่งเป็นตัวรับไฟที่มักใช้ในรถรางหรือรถไฟพลังงานไฟฟ้า เช่น รถรางในซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา หรือในรถไฟชินกันเซ็นของญี่ปุ่น

ขณะที่เชื่อมต่อกับระบบนี้อยู่ รถบรรทุกนั้นจะสามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนๆ พร้อมกับชาร์จแบตเตอรีไปด้วยพร้อมกันได้ ซึ่งทำให้เมื่อสิ้นสุดระยะทางบริการพลังงานไฟฟ้า รถบรรทุกก็ยังสามารถดึงพลังงานที่ชาร์จไว้ในแบตเตอรี่ออกมาวิ่งต่อได้อีก ก่อนที่จะสลับไปใช้เครื่องยนต์ดีเซลเมื่อพลังงานดังกล่าวหมดลง

ทางบริษัทซีเมนส์ (Siemens) บริษัทเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรม พลังงาน และสุขภาพ ผู้พัฒนาระบบ eHighway  อ้างว่าระบบนี้จะช่วยลดค่าเชื้อเพลิงของรถบรรทุกขนาด 40 ตัน ได้ถึง 20,000 ยูโร (ราว 709,000 บาท) ต่อการวิ่งเป็นระยะทาง 100,000 กิโลเมตร โดยในปัจจุบัน รถบรรทุกที่รองรับระบบนี้คือรถบรรทุกไฮบริดของสแกนเนีย (Scania) บริษัทยานยนต์ในเครือโฟล์คสวาเกน ซึ่งได้รับการปรับแต่งแล้ว

ehighway.jpg
  • รถบรรทุกเชื่อมต่อกับระบบ eHighway ด้วยแหนบรับไฟในเยอรมนี / ภาพจากบริษัท Siemens

อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดของระบบนี้ก็คือ รถบรรทุกจะต้องวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพื่อคงการเชื่อมต่อกับระบบจ่ายไฟไว้ และวิ่งในเลนเฉพาะที่มีตัวจ่ายพลังงานไฟฟ้าเท่านั้น

ระบบทางหลวงพลังงานไฟฟ้าระยะทดลองซึ่งเปิดใช้งานเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ ติดตั้งอยู่บนส่วนหนึ่งของทางหลวงออโตบาห์น (Autobahn) ที่อยู่ใกล้กับเมืองแฟรงก์เฟิร์ต (Frankfurt) เป็นระยะทาง 6 ไมล์ (ประมาณ 9.6 กิโลเมตร) และจะเปิดให้ทดลองใช้งานจนถึงปี 2022 ก่อนที่จะพิจารณาว่าควรขยายพื้นที่บริการให้กว้างขึ้นทั่วประเทศหรือไม่โดยมุ่งเน้นไปที่เส้นทางเชื่อมต่อท่าเรือเข้ากับเมืองต่างๆ ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งของรถบรรทุก

ขณะนี้เยอรมนีกำลังสร้าง eHighway เพิ่มอีกสองแห่งที่บริเวณทางตอนเหนือของรัฐชเลสวิก-โฮลชไตน์ (Schleswig-Holstein) และ รัฐบาเดิน-เวือร์ทเทิมแบร์ค (Baden-Württemberg) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมนี โดยในปัจจุบัน รัฐบาลใช้จ่ายกับโครงการนี้ไปแล้ว 14 ล้านยูโร (ราว 496 ล้านบาท) นอกจากนี้ ระบบ eHighway ของซีเมนส์ได้มีการทดลองใช้โดยประเทสสวีเดนตั้งแต่ปี 2016 และรัฐแคลิฟอร์เนีย ในสหรัฐฯ ปี 2017 ด้วยเช่นกัน


ที่มา: CNET / Business Insider