คนญี่ปุ่นหันมาท่องเที่ยวดูวาฬกันมากขึ้นต่อเนื่องทุกปี ซึ่งอาจทำให้รัฐบาลต้องพิจารณาแนวทางการเปิดให้ล่าวาฬเชิงพาณิชย์อีกครั้ง
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานเทรนด์ความนิยมของชาวญี่ปุ่นในปัจจุบัน โดยระบุว่าช่วงนี้มีคนจากทั้งในและต่างประเทศหันมาท่องเที่ยวดูวาฬกันมากขึ้น และถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่เติบโตได้ดี นั่นคือ ขยายตัวได้มากกว่าเท่าตัวในช่วงปี 1998 ถึง 2015 ซึ่งความนิยมนี้อาจทำให้ญี่ปุ่นต้องหันมาทบทวนนโยบายเปิดล่าวาฬเชิงพาณิชย์อีกครั้ง หลังจากที่เพิ่งเริ่มฤดูการล่าไปเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา
มาซาโอะ ฮาเซกาวะ หนึ่งในกัปตันเรือชมวาฬบริเวณชายฝั่งฮอกไกโด กล่าวว่า เขาไม่คิดว่าลูกค้าที่มีชมวาฬจะอยากเห็นภาพเรือล่าวาฬนำซากสัตว์กลับเข้าฝั่ง ขณะเดียวกัน เขาก็ไม่คิดว่าการบริโภคเนื้อวาฬเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องรักษาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับชาวต่างชาติ โดยโรงแรมหลายแห่งเลือกที่จะไม่เขียนในเมนูว่ามีเนื้อวาฬจำหน่าย เพื่อไม่ให้ลูกค้าตกใจ
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นประกาศลาออกจากคณะกรรมการการล่าวาฬระหว่างประเทศ หรือ IWC เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้นเป็นการประกาศว่าญี่ปุ่นจะไม่ยอมรับข้อกำหนดในการล่าวาฬเชิงอนุรักษ์ขององค์กรอีกต่อไป หลังจากช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา IWC กำหนดให้ญี่ปุ่นเลิกล่าวาฬเชิงพาณิชย์ และไม่จับวาฬขนาดใหญ่ไม่ว่าจะในกรณีใด อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นมักหาช่องโหว่ของข้อตกลงดังกล่าวและดำเนินการล่าวาฬต่อไป โดยอ้างว่าเป็นการล่าเพื่อการวิจัยมาโดยตลอด จนกระทั่งลาออกจาก IWC อย่างเป็นทางการในที่สุด
การถอนตัวจาก IWC ของญี่ปุ่นถูกตำหนิอย่างหนักจากนักต่อต้านการล่าวาฬทั่วโลก แต่ในทางกลับกันก็ได้รับการยกย่องจากชุมชนนักล่าวาฬในประเทศ ที่หลายเมืองริมฝั่งทะเลทำการประมงล่าวาฬมาเป็นเวลาร่วม 400 ปี