ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ความเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมภาพยนตร์และละครเวทีขยายมาทางเอเชียอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน โดยมีศูนย์กลางที่ประเทศจีน จากการหันมาใช้เงินไปกับศิลปวัฒนธรรม ซึ่งในประเทศไทยเอง แม้จะไม่เติบโตเท่าในประเทศจีน แต่ก็มีละครเวทีโรงเล็กใหญ่ให้เลือกชม ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่สำคัญก็คือมาตรการสนับสนุนของโรงละคร ผู้ให้เช่าที่จัดแสดง
ก่อนหน้านี้ บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจ Ernst & Young คาดการณ์ว่า จีนจะกลายเป็นตลาดผลิตภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุด แซงหน้าสหรัฐฯ ไปได้ภายในปี 2020 ขณะที่ ความบันเทิงอีกรูปแบบอย่าง ละครเวทีและละครเวทีมิวสิคัล ก็สามารถขยายฐานผู้ชมเข้ามาในจีนได้ โดยอาศัยการเปลี่ยนแปลงด้านรสนิยมการเสพความบันเทิงของคนรุ่นใหม่
บริษัทละครเวทีชื่อดัง Andrew Lloyd Webber โดย แอนดรูว์ ลอยด์ เวบเบอร์ ได้เริ่มเข้ามาเปิดตลาดละครเวทีในเอเชีย โดยการแปลบทพูดและบทร้องเป็นภาษาถิ่น เมื่อราว 3 ถึง 4 ปีที่แล้ว หลังจากการแสดงเป็นภาษาอังกฤษในฟิลิปปินส์ได้ผลตอบรับที่ดี และทำให้เอเชียกลายเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจยิ่งกว่าเวสต์เอนด์ ในอังกฤษ และบรอดเวย์ ในสหรัฐฯ
สำหรับในจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ ชาวจีนหันมาใช้เงินไปกับสิ่งที่มากกว่าอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และที่อยู่อาศัยกันมากขึ้น และยังมากกว่าการซื้อของแบรนด์เนมเสียอีก โดย ศาสตราจารย์ เซิ่น เฉียวเหว่ย จากสถาบันบริหารธุรกิจวาร์ตัน มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ระบุว่า ผู้คนมักใช้เงินไปกับศิลปะวัฒนธรรมมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็มีสถิติชี้ว่า ยอดขายตั๋วละครเวทีในเอเชียคิดเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายตั๋วละครเวทีทั้งโลกอีกด้วย
สำหรับในไทย แม้ว่าแวดวงละครเวทีจะไม่ได้ขยายตัวรวดเร็วเท่ากับประเทศในโซนเอเชียตะวันออก และประเทศในอาเซียนด้วยกันอย่าง ฟิลิปปินส์ แต่โปรดักชันละครโรงเล็กยังคงมีจัดแสดงให้ชม และมีคณะละครอิสระมากมายที่ยังคงสร้างผลงานต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการด้านสถานที่
ท่ามกลางโรงละครขนาดเล็ก-ใหญ่ในกรุงเทพฯ ผู้ประกอบการรายหนึ่งที่ให้บริการทั้งโรงขนาดใหญ่และเล็ก โดยที่สำหรับละครโรงเล็ก ก็มีมาตรการสนับสนุนพิเศษ โดยเน้นที่การเผยแพร่ผลงานมากกว่าการทำกำไร นั่นก็คือ โรงละครสยามพิฆเนศ บนศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน ซึ่งเป็นพื้นที่ใจกลางเมืองที่ผู้ชมสามารถเดินทางได้สะดวก
ที่นี่มีโรงละครให้ผู้จัดแสดงเลือกใช้ 3 ขนาด คือ The Studio ที่จุคนได้ 40 - 60 คน The Playhouse ที่จุคนได้ราว 200 คน และ The Theatre โรงละครขนาดใหญ่ 1,069 ที่นั่ง รองรับงานแสดงได้หากหลายรูปแบบ โดยล่าสุด ทางโรงละครได้เปิดพื้นที่ The Studio ให้คณะละคร A Theatre Unit ได้สร้างผลงานต่อยอดจักรวาลคู่ขนานจากงานเขียนดัง "ขอชื่อ สุธี สามสี่ชาติ" ของ ประภาส ชลศรานนท์ ที่เคยมีการสร้างเป็นภาพยนตร์ด้วย ภายใต้ชื่อโปรเจกต์ว่า "ร่อน"
เรียกได้ว่า ร่อน เป็นบทละครใหม่ที่ยังไม่เคยมีการจัดแสดงมาก่อน และไม่มีอะไรการันตีได้ว่าโปรดักชันนี้จะทำรายได้เข้าขั้นน่าพอใจ แต่สยามพิฆเนศก็เลือกที่จะเปิดพื้นที่ให้กับ "ความอินดี" นี้ หลังจากที่ตัวบทละครผ่านความยินยอมจากเจ้าของงานเขียนดั้งเดิมอย่าง ประภาส ชลศรานนท์ แล้ว
นอกเหนือจากสยามพิฆเนศ โรงละครที่รองรับโปรดักชันขนาดเล็กก็ยังมีอีกหลายแห่ง เช่น Creative Industries และ Bluebox Studio ในพื้นที่ M Theatre ถนนเพชรบุรี Thonglor Art Space ปากซอยทองหล่อ หรือแม้แต่ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร BACC ที่มีประเด็นเรื่องงบประมาณสนับสนุนอยู่ขณะนี้ ก็เป็นสถานที่ที่เปิดกว้างให้กับศิลปินหลากหลายแขนงได้โชว์ผลงานมาตลอดเช่นกัน ซึ่งทุกแห่งที่กล่าวมาก็ถือเป็นสถานที่ที่เดินทางได้สะดวกพอสมควร แม้บางแห่งจะมีข้อจำกัดด้านที่จอดรถบ้างก็ตาม
หนึ่งในนักแสดงละครเวทีที่ผู้ชมจะมีภาพจำเกี่ยวกับเขาในผลงานมิวสิคัลหลายชิ้นอย่าง กรกันต์ สุทธิโกเศศ ก็ได้ให้ความเห็นกับวอยซ์ทีวีเราว่า คนเดี๋ยวนี้เริ่มตระหนัก เริ่มมีความรับรู้เกี่ยวกับศาสตร์แขนงนี้แล้ว และความสำเร็จของผลงานหนึ่ง ๆ ก็ขึ้นอยู่กับเนื้อหาและการประชาสัมพันธ์
สำหรับผู้สนใจโรงละครโรงเล็กของสยามพิฆเนศ เรื่อง "ร่อน" สามารถเลือกชมได้ระหว่างวันที่ 27 กันยายน ถึง 1 ตุลาคม และ 4 ถึง 8 ตุลาคม หรือก็คือ วันพฤหัสบดี ถึง วันจันทร์ รวม 14 รอบ โดยรอบปกติคือ 20.00 น. ส่วนเสาร์อาทิตย์มีเพิ่มรอบ 16.00 น.ติดต่อสอบถามและสำรองที่นั่งได้ที่เพจเฟซบุ๊ก A Theatre Unit และ SiamPic Live