ปัจจุบันคนอเมริกันส่วนใหญ่ โดยเฉพาะวัยรุ่นนิยมอยู่บ้านมากกว่าออกไปทำกิจกรรมข้างนอก ซึ่งเป็นผลมาจากการชอบดูซีรีส์แบบสตรีมมิง รวมถึงการชอปปิงออนไลน์ที่มีบทบาทมากขึ้น และส่งผลให้ประหยัดทั้งพลังงานคน และพลังงานจากทรัพยากรธรรมชาติ
ผลวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Joule เผยว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่กำลังหันมาเอาจริงเอาจังกับการประหยัดพลังงานภายในบ้านมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบัน คนอเมริกันโดยเฉพาะวัยรุ่นนิยมอยู่บ้านมากขึ้นและไม่ค่อยออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน
โดยข้อมูลจากการสำรวจการใช้เวลาของชาวอเมริกันพบว่า ในปี 2012 ชาวอเมริกันใช้เวลาอยู่บ้านเฉลี่ย 8 วัน ซึ่งสูงขึ้นเมื่อเทียบกับในปี 2003 ซึ่งการอยู่บ้านเช่นนี้ย่อมหมายถึงการใช้พลังงานในบ้านที่มากขึ้นด้วย แต่ในทางกลับกัน คนอเมริกันส่วนใหญ่ต่างพยายามใส่ใจการใช้พลังงานแต่ละครั้งภายในบ้านอย่างจริงจัง ซึ่งช่วยให้ประหยัดพลังงานในประเทศได้ถึง 1,700 ล้านล้านบีทียู หรือลดลง 1.8 เปอร์เซ็นต์ของการใช้ไฟฟ้าในประเทศทั้งหมด
ในทศวรรษที่ผ่านมา ชาวอเมริกันใช้เวลาในการเดินทางน้อยลงและอยู่ในบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีอายุระหว่าง 18 ถึง 24 ปี ซึ่งใช้เวลาอยู่บ้านมากกว่าผู้คนทั่วไปถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่กลุ่มคนอายุ 65 ปีขึ้นไปกลับเป็นกลุ่มเดียวที่ใช้เวลาอยู่นอกบ้านมากขึ้น ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงลักษณะนี้มีผลมาจากพฤติกรรมการทำงานจากที่บ้าน การชมวิดีโอสตรีมมิง และการชอปปิงออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น
ต้องยอมรับว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปจริง ๆ อยู่บ้านดูสตรีมมิงออนไลน์ ซื้อของออนไลน์ อาจจะมีความสุข และอิสระ กว่าการไปอยู่ข้างนอกที่รถติด ผู้คนวุ่นวาย อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์ได้กล่าวมานานแล้วว่า การใช้เวลานอกบ้านเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเรา รวมถึงการอยู่ท่ามกลางธรรมชาติยังช่วยลดความเครียดได้ นอกจากนั้น การพบปะเพื่อนฝูงยังช่วยให้เรารักษาความสัมพันธ์ต่อคนรอบข้างได้อีกด้วย