วันที่ 1 ตุลาคมของทุกปีเป็นวันกาแฟสากล ซึ่งนอกจากจะมีรสชาติถูกปากแล้ว กาแฟยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย
ตั้งแต่ปี 2015 องค์การกาแฟสากลได้ประกาศให้วันที่ 1 ตุลาคมของทุกปีเป็นวันกาแฟโลก เพื่อเฉลิมฉลองเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลก ซึ่งนอกจากจะช่วยทำให้กระปรี้กระเปร่าในแต่ละวันแล้ว การดื่มกาแฟยังส่งผลดีต่อสุขภาพในหลายด้าน ซึ่งมีงานวิจัยมารองรับจำนวนไม่น้อย
โดยสถาบันโรคหัวใจแห่งอเมริกาได้เปิดเผยผลวิจัยเมื่อปีที่แล้วว่า การดื่มกาแฟสามารถลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจล้มเหลวหรือโรคหลอดเลือดสมองได้ 7-8 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ดื่มกาแฟเลย
นอกจากนั้น ยังมีงานวิจัยของสหรัฐฯ อีกฉบับซึ่งตีพิมพ์ช่วงต้นปีนี้ได้เผยว่า ความจริงแล้วคนเราไม่จำเป็นต้องดื่มกาแฟเลย เพราะแค่ได้กลิ่นกาแฟก็ส่งผลดีต่อร่างกายแล้ว โดยนักวิจัยได้ค้นพบว่า เพียงแค่ได้กลิ่นกาแฟจากแก้ว แม้ว่ากาแฟนั้นจะไม่มีคาเฟอีน ก็สามารถกระตุ้นการทำงานบางอย่างได้ ซึ่งผู้ร่วมทดลองเผยว่า หลังจากที่ได้กลิ่นกาแฟ พวกเขารู้สึกกระปรี้กระเปร่าและกระฉับกระเฉงขึ้น นอกจากนั้น ยังทำคะแนนในแบบทดสอบได้สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอาจเป็นการคิดไปเองของแต่ละคนก็ได้
งานวิจัยจากสมาคมแพทย์หัวใจยุโรปเมื่อปีที่แล้วยังเผยว่า คอกาแฟในแถบเมดิเตอร์เรเนียนยังมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตน้อยลง โดยทีมงานได้ศึกษาชาวสเปนวัยทำงานจำนวน 19,896 คน เป็นเวลาเฉลี่ย 10 ปี ก่อนจะพบว่า ผู้ที่ดื่มกาแฟอย่างน้อยวันละสี่แก้ว จะมีอัตราเสี่ยงที่จะเสียชีวิตน้อยกว่าคนที่ไม่ดื่มกาแฟเลยถึง 65 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะยิ่งเห็นผลชัดในกลุ่มคนอายุ 45 ปีขึ้นไป
นอกจากนั้น ยังมีผลวิจัยที่ตีพิมพ์เมื่อปีที่แล้วที่ชี้ชัดว่า กาแฟสามารถลดความเสี่ยงในการเป็นโรคตับได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งตับ หรือโรคตับแข็ง โดยผู้เชี่ยวชาญจากเจ็ดประเทศในทวีปยุโรประบุว่า การดื่มกาแฟช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งตับได้ 40 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ผลวิจัยจากอเมริกาและอิตาลีเผยว่า การดื่มกาแฟเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคตับแข็งได้ 25-70 เปอร์เซ็นต์ โดยผู้ที่ดื่มกาแฟยังมีความเสี่ยงในการเป็นโรคตับเรื้อรังยังลดลง 25-65 เปอร์เซ็นต์