งานวิจัยล่าสุดจากแพทย์อายุรศาสตร์ระบุว่า การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลเสียต่อเซลล์ผิวหนัง ซึ่งอาจทำให้เกิดสิว และริ้วรอยก่อนวัย
ทีมแพทย์นำโดย ดอกเตอร์มาร์ก เมโนลาสิโน อายุรแพทย์ และดอกเตอร์ อิสซาเบล ชาร์การ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านธรรมชาติบำบัด ได้ทำการวิจัยผลกระทบของแอลกอฮอล์ที่มีต่อร่างกาย พบว่า การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป นอกจากจะส่งผลเสียต่อร่างกายแล้ว ยังส่งผลกระทบร้ายแรงต่อผิวหนัง
โดยเมโนลาสิโนระบุว่า แม้หลายฝ่ายจะพยายามศึกษาผลดีของการดื่มไวน์แดงต่อสุขภาพ แต่ความจริงแล้วกลับพบว่า การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากกว่าปกติ อาจทำให้เป็นโรคสมองเสื่อมและเกิดอาการอักเสบ ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง โรคซึมเศร้า และโรคหัวใจได้
นอกจากนั้น ดอกเตอร์ชาร์การ์ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ไวน์แดงถือเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่อันตรายต่อผิวมากที่สุด เพราะจะทำให้ผิวแดง เกิดรอยแดง และผื่นคัน เนื่องจากน้ำองุ่นหมักที่ไม่ผ่านการกรองนั้นส่งผลร้ายต่อผิว โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังอย่าง โรซาเชีย นอกจากนั้น แอลกอฮอล์ยังมีคุณสมบัติในการขยายหลอดเลือด และทำให้เกิดอาการหน้าแดงและผิวบวม
ผลเสียอีกข้อเกิดจากน้ำตาลปริมาณมากที่อยู่ในไวน์ ซึ่งจะไปรวมกันอยู่ในตับ ก่อนที่จะถูกส่งไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายกลายเป็นน้ำตาลดิบในกระแสเลือด หรือแปรสภาพเป็นไขมันที่ย่อยสลายยาก โดยน้ำตาลในแอลกอฮอล์ยังทำให้เกิดอาการบวมได้อีกด้วย ดังนั้นจึงควรระมัดระวังเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ประเภทคอกเทลที่มีรสหวานจากน้ำเชื่อมหรือน้ำผลไม้ เพราะส่งผลร้ายต่อผิวได้เช่นกัน
การดื่มคอกเทลรสหวานในตอนกลางคืนยังส่งผลให้ผิวหมองคล้ำและตาแดง / นอกจากนั้น การนำเบียร์ วิสกี้ และรัมมาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวยังไม่ช่วยทำให้ผิวดีขึ้น ซึ่งวิธีการที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้ตื่นขึ้นมาด้วยผิวกระจ่างใสและตาเป็นประกาย ก็คือต้องไม่ดื่มแอลกอฮอล์ หรือดื่มเพียงเหล้ากลั่นแบบใสเท่านั้น โดยการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะ และดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ รวมถึงการทาครีมบำรุงผิวในเช้าวันรุ่งขึ้น ก็จะช่วยให้ผิวดีขึ้นได้เช่นกัน