ฝรั่งเศสผ่านกฎหมายห้ามเด็กใช้โทรศัพท์สมาร์ตโฟนและสมาร์ตดีไวซ์ในโรงเรียน โดยจะเริ่มบังคับใช้ในเดือนกันยายนนี้
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (30 ก.ค.) สภาฝรั่งเศสผ่านกฎหมายที่ห้ามไม่ให้เด็กอายุระหว่าง 3 ขวบถึง 15 ปี ใช้สมาร์ตโฟน และอุปกรณ์ใด ๆ ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ภายในโรงเรียน โดยโรงเรียนมัธยมปลายที่มีเด็กอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป สามารถเลือกได้ว่าจะใหนักเรียนใช้สมาร์ตโฟนได้หรือไม่
ด้านรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ฌอง-มิเชล บลองเคอร์ (Jean-Michel Blanquer) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวฝรั่งเศส BFMTV ว่า การติดหน้าจอถือเป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงการใช้โทรศัพท์มือถือแย่ ๆ โดยกระทรวงมีหน้าที่ในการปกป้องเด็กและเยาวชน ซึ่งกฎหมายนี้เอื้อให้ทำเช่นนั้นได้ นอกจากนั้น กฎหมายนี้ยังถือเป็นการทำตามแคมเปญที่ประธานาธิบดีมาครง (Macron) ใช้ในการหาเสียง ก่อนเข้าสู่ตำแหน่งอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ ในปี 2010 ฝรั่งเศสได้ผ่านกฎหมายห้ามนักเรียนใช้สมาร์ตโฟนระหว่างเรียนมาแล้ว ซึ่งกฎหมายใหม่นี้จึงไม่ถือเป็นเรื่องใหม่ในเชิงปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม กฎนี้มีข้อยกเว้นสำหรับผู้ทุพพลภาพ โดยอนุญาตให้ใช้สมาร์ตดีไวซ์ได้เพื่อการเรียนการสอน รวมถึงการทำกิจกรรมพิเศษอื่น ๆ
สำหรับอาการติดมือถือมากเกินไปนั้นทำให้เกิดคำว่า ‘nomophobia’ ที่หมายถึงโรคกลัวการขาดโทรศัพท์มือถือ โดยผลการสำรวจในสหราชอาณาจักรเผยข้อมูลว่า 66 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามมีอาการติดมือถือ ซึ่ง 41 เปอร์เซ็นต์บอกว่าต้องมีมือถือติดตัวอย่างน้อยสองเครื่อง
นอกจากนั้น ยังมีวิจัยจากหลายแห่งที่ชี้ผลเสียของการติดสมาร์ตโฟน โดยผลการศึกษาในเกาหลีใต้ชี้ว่า วัยรุ่นที่ติดสมาร์ตโฟนและอินเทอร์เน็ตมักมีสารสื่อประสาทในระดับที่สูงเกินปกติ จนส่งผลให้ขาดสมาธิและควบคุมจุดสนใจของตนเองได้ลำบาก ขณะที่ผลวิจัยของวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอนเผยว่า การแบนสมาร์ตโฟนในโรงเรียนนั้นช่วยให้นักเรียนทำข้อสอบได้คะแนนสูงขึ้น