ไม่พบผลการค้นหา
World Trend - 'ชุดเช่า' เทรนด์ธุรกิจแฟชั่นที่ยังไปได้อีกไกล - Short Clip
World Trend - อาลีบาบาขึ้นแท่นแบรนด์มูลค่าสูงสุดในจีน - Short Clip
World Trend - ยอดขายหูฟังไร้สายจะแตะ 129 ล้าน ในปี 2020 - Short Clip
World Trend - ความเจริญของเอไอทำร้ายประเทศกำลังพัฒนา? - Short Clip
World Trend - ลอรีอัล-อาลีบาบา จับมือใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก - Short Clip
World Trend - 'ฮอนด้า' ปิดโรงงานอังกฤษภายในปี 2021 - Short Clip
World Trend - อินเทลบรรลุเป้า 'ความหลากหลายด้านกำลังคน' - Short Clip
World Trend - ประชากรโลกกว่า 95% เผชิญอากาศเสีย - Short Clip
World Trend - สหรัฐฯ พัฒนาเอไอตรวจจับเนื้องอก - Short Clip
World Trend - ​อัลฟาเบตลงทุนเพิ่มหมื่นล้านกับ 'เมืองใหม่' - Short Clip
World Trend - ญี่ปุ่นสวนกระแสโลก ไม่นิยมผู้บริหารหญิง - Short Clip
World Trend - รถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่ยาครอบจักรวาล - Short Clip
World Trend - ฟาสต์ฟู้ดในจีนหันจับ 'เมนู AI - หุ่นยนต์ทุ่นแรง' - Short Clip
World Trend - วิจัยชี้ หุ่นยนต์วินิจฉัยได้ดีกว่าหมอ - Short Clip
World Trend - EU หนุนรถบรรทุกให้ลด CO2 ลง 35% ในปี 2030 - Short Clip
World Trend - คาดปีนี้ 'อีสปอร์ต' โกยรายได้เฉียด 3 หมื่นล้าน - Short Clip
World Trend - คาร์ฟูร์ไม่สู้คู่แข่ง เลิกกิจการในจีน - Short Clip
World Trend - 'มาตรการรักษ์โลก' การแข่งขันอีกมิติของบริษัทไอที - Short Clip
World Trend - ธุรกิจกัญชาบูม มีแรงงานมากกว่าสาธารณสุข - Short Clip
World Trend - ญี่ปุ่นมุ่งแก้ปัญหาฆ่าตัวตายอย่างจริงจัง - Short Clip
World Trend - เมื่อแบรนด์ฟาสต์แฟชั่นหันไป 'รักษ์โลก' - Short Clip
May 4, 2018 10:11

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความซบเซาลงของยอดขายแบรนด์ 'ฟาสต์แฟชั่น' หรือ แบรนด์เสื้อผ้าราคาไม่แพงที่มีการเปลี่ยนคอลเลกชั่นบ่อย ทำให้บริษัทเหล่านี้หันไปพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

บริษัท Inditex เจ้าของแบรนด์ Zara และแบรนด์อื่น ๆ อีก 7 แบรนด์ ออกมาเปิดเผยถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนวัสดุการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น โดยหันไปพัฒนาการผลิตเส้นใยจากไม้ ที่เรียกว่า Refibra ขณะที่ Gap ก็จะเปลี่ยนมาใช้ฝ้ายออร์แกนิกให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ภายใน 2021 ส่วนแบรนด์ดังจากญี่ปุ่นอย่าง Uniqlo ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ประกาศ 'รักษ์โลก' ด้วยการพัฒนาการผลิตยีนส์โดยใช้น้ำและสารเคมีให้น้อยลง ด้วยการใช้เลเซอร์เข้ามาแทน

H&M เน้นการลงทุนในสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยี โดยตั้งเป้าจะพัฒนาเทคโนโลยีการรีไซเคิลวัสดุ รวมถึงผลิตเส้นใยจากวัสดุใหม่ ๆ เช่น รากเห็ด และจะเปลี่ยนมาใช้วัสดุที่ยั่งยืนให้ได้ทั้งหมดภายในปี 2030 ซึ่งปัจจัยสำคัญคือต้องเป็นการลงทุนระยะยาว โดยไม่ไปเพิ่มภาระด้านราคาให้ผู้บริโภค

อุตสาหกรรม 'ฟาสต์แฟชั่น' มีมูลค่าสูงถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 95 ล้านล้านบาท ต่อปี ผลิตสินค้าเป็น 100,000 ล้านชิ้น โดยหากพิจารณาแค่บริษัท Inditex เพียงบริษัทเดียวก็มีจำนวนสินค้าสูงถึง 1,400 ล้านชิ้นต่อปีแล้ว ทำให้อุตสาหกรรมนี้เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อมารองรับพฤติกรรมผู้บริโภคไม่ต่างจากแวดวง IT หรือ สมาร์ตดีไวซ์

ก่อนหน้านี้ บริษัทสำรวจตลาดระบุว่า ผู้บริโภครุ่นใหม่เริ่มกังวลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้การจับจ่ายสินค้าเสื้อผ้ามีความถี่ลดลง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อรายได้ของบริษัทขนาดใหญ่เหล่านี้ ทำให้การพัฒนาวัสดุยั่งยืนจากพืชชนิดต่าง ๆ หรือการรีไซเคิลผ้า กลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และยิ่งต้องเร่งพัฒนาให้เกิดเป็นวัสดุที่ต้นทุนถูกที่สุด เพื่อการผลิตในระยะยาว

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
185Article
76559Video
0Blog