สื่อบันเทิงฮอลลีวูดรายงานว่า 'แอปเปิล' บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลก ที่เพิ่งแถลงเปิดตัวบริการสตรีมมิงของตนเองไปเมื่อต้นปี มีแผนจะสร้างคอนเทนต์คุณภาพ 'ระดับออสการ์' มากถึงปีละ 6 เรื่อง ตอกย้ำอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วย 'ผู้เล่นหน้าเก่า' หรือสตูดิโอดังเท่านั้นอีกต่อไป
เมื่อพูดถึงแบรนด์ 'แอปเปิล' ผู้คนมักนึกถึงอุปกรณ์ที่บริษัทเทคโนโลยีดังเป็นผู้ผลิต ทั้งไอโฟน ไอพอด ไอแพด และแมคบุ๊ก หรือลึกลงไปกว่านั้น สาวกของแบรนด์จะนึกถึง 'คุณภาพ' ของโปรแกรมที่บริษัทผลิตขึ้น ซึ่งทำให้ผู้ผลิตผลงานต้องเลือกใช้ โดยปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโปรแกรมทำเพลงทำภาพยนตร์ของแอปเปิลเป็นสิ่งที่ 'มืออาชีพ' ทุกคนต้องมี
แต่นั่นไม่ใช่ความเชื่อมโยงเพียงอย่างเดียวระหว่างวงการภาพยนตร์กับแบรนด์แอปเปิล เพราะเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้แถลงเปิดตัวบริการสตรีมมิงของตนเอง โดยได้ดึงดาราดังเบอร์ต้น ๆ ของฮอลลีวูดมาร่วมงาน และล่าสุดก็มีบทความของสื่อดังระบุว่า แอปเปิลต้องการผลิตภาพยนตร์คุณภาพระดับชิงรางวัลออสการ์มากถึงปีละ 6 เรื่อง นับเป็นเป้าหมายที่ทะเยอทะยานอย่างยิ่ง
เป้าหมายดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินเอื้อม หากจะพิจารณาจากงานประกาศรางวัลออสการ์ครั้งที่ผ่านมา ที่เป็นหมุดหมายสำคัญของบริษัทผู้ให้บริการสตรีมมิง หลังผลงานอย่าง Roma ของเน็ตฟลิกซ์ ได้เข้าชิงมากถึง 10 สาขา คว้ารางวัลไปทั้งสิ้น 3 สาขา รวมถึงรางวัลใหญ่อย่างผู้กำกับยอดเยี่ยมด้วย แสดงให้เห็นว่าผู้มีสิทธิ์โหวตลงคะแนนยอมรับ 'ความเป็นสตรีมมิง' ของตัวผลงาน มากพอ ๆ กับภาพยนตร์ที่เข้าฉายเต็มโปรแกรมในโรงใหญ่ปกติ ซึ่งท่าทีเช่นนี้จุดประกายให้เน็ตฟลิกซ์กล้าจะผลิตผลงานในระดับเดียวกัน และตั้งเป้าว่าจะยึดพื้นที่ในงานออสการ์ในปีต่อ ๆ ไปให้ได้
ความสำเร็จของเน็ตฟลิกซ์สร้างความมั่นใจอย่างมากให้กับผู้เล่นใหม่อย่าง แอปเปิล ที่เพิ่งกระโจนเข้ามาในตลาดสตรีมมิง โดยสื่อดังอย่าง นิวยอร์ก โพสต์ รายงานว่า แอปเปิลเล็งที่จะผลิตภาพยนตร์ชิงออสการ์และแพร่ภาพผ่าน 'แอปเปิลพลัส' ที่จะเริ่มสตรีมในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ โดยเน้นกลยุทธ์แบบค่าย Focus Features คือเน้นผลงานที่ใช้งบน้อยจนถึงปานกลาง ซึ่งแนวทางนี้จะแยกจากความร่วมมือของแอปเปิลกับค่าย A24 ค่ายอินดี้ดังที่มีผลงาน 'เล็กแต่ปัง' อย่าง Moonlight และ Lady Bird เข้าชิงออสการ์มาแล้ว
สื่อบันเทิงอย่าง Screen Rant ให้ความเห็นว่าแนวทางของแอปเปิลไม่ได้เกินคาดหรือน่าแปลกใจแต่อย่างใด เพราะจากตลาดสตรีมมิงที่ร้อนแรงในปีนี้ การจะผลิตผลงานออกมาแต่ละชิ้น ของแต่ละค่าย ย่อมต้องไม่ทำอย่างขอไปที และทุกค่ายย่อมต้อง 'หวังผล' สูงสุด โดยนอกจากจะมีเน็ตฟลิกซ์และแอมะซอนที่ผลิตผลงานสร้างชื่ออย่างต่อเนื่องแล้วนั้น การเข้ามาของดิสนีย์และแม้แต่แอปเปิลเอง ก็ทำให้ตลาดคึกคักขึ้นอย่างมาก ซึ่งหลัก ๆ ก็คือ แต่ละค่ายต้องพยายามดึงดูดผู้ชมให้ได้มากที่สุด
กลยุทธ์ที่ชัดเจนของแอปเปิล ในการดึงดูดผู้ชมและการันตีคุณภาพ คือการร่วมมือกับดาราดังและ 'เบอร์ใหญ่' ของวงการ ตั้งแต่ระดับผู้กำกับ เช่น สตีเฟน สปีลเบิร์ก , รอน ฮาวเวิร์ด , ไทกา ไวติติ , เอ็ม. ไนต์ ชยามาลาน , เจ.เจ. เอบรัมส์ , เดเมียน ชาเซลล์ และอีกมากมาย ขณะที่ รีส วิทเธอร์สปูน และ เจนนิเฟอร์ อนิสตัน รวมไปถึง สตีฟ แคเรลล์ ก็ประกาศทำซีรีส์กับแอปเปิลพลัสแล้วเช่นกัน
ทั้งนี้ แรงจูงใจเบื้องต้นสำหรับผู้ทำภาพยนตร์ ในการจับมือกับค่ายสตรีมมิง ไม่ใช่การมุ่งสร้างสรรค์ผลงานชิงรางวัล แต่เป็นการเพิ่มฐานผู้ชม โดยการที่ผลงานได้แพร่ภาพผ่านสตรีมมิง คือ การที่ผู้ชมสามารถรับชมได้โดยตรงจากห้องนั่งเล่น จากภายในบ้าน ตัดค่าใช้จ่ายแวดล้อมต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการกระจายหรือจัดจำหน่ายผลงาน ที่ตัดคู่แข่ง 'บล็อกบัสเตอร์' ออกไป ทำให้ผู้สร้างไม่ต้องกังวลว่าผลงานของตนจะได้เข้าฉายวันใด ที่โรงไหนบ้าง และต้อง 'ชน' กับภาพยนตร์เรื่องอะไร ซึ่งการรับรู้และตอบสนองของผู้คนทั่วไปต่อผลงาน เป็นปัจจัยประกอบที่สำคัญอย่างยิ่งกับกระแสออสการ์ในแต่ละปี และนี่อาจเป็นการเดินเกมที่ถูกต้องแล้วของค่ายน้องใหม่อย่าง แอปเปิล
