กระแสการบริโภคอาหารออร์แกนิกและความตื่นตัวด้านจริยธรรมในการเลี้ยงสัตว์ใน สหรัฐฯ ทำให้ปัจจุบัน 'การเลี้ยงไก่แบบไร้กรง' หรือ 'การปล่อยเดินเป็นอิสระ' อาจไม่เพียงพอ และทำให้ไข่ไก่แบบ Pastured Eggs กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภครักสุขภาพ

มาตรฐานการบริโภคสินค้าเกษตรในสหรัฐฯ ถูกยกระดับขึ้นอีกขั้น หลังเทรนด์การเลี้ยงสัตว์เป็นปล่อยและเลี้ยงให้อารมณ์ดีได้รับความนิยมในหมู่เกษตรกรอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ล่าสุด การเลี้ยงไก่ไข่เป็นอีกอุตสาหกรรมที่ถูกผลักดันให้มีจริยธรรมขึ้นอีกขั้น และตอบสนองผู้บริโภคที่พร้อมจ่าย โดยมีรายงานว่าไข่ไก่จากไก่ Cage-free หรือ ไก่ที่ไม่เลี้ยงในกรง และ ไก่ Free-range หรือ ไก่ที่ถูกปล่อยเดินอย่างอิสระ อาจไม่ได้ผลิตไข่ที่ดีที่สุด และเทรนด์ปัจจุบันคือการบริโภคไข่แบบ Pasture-raised หรือการปล่อยให้ไก่เดินแบบอิสระ และกินอาหารหลากหลาย โดยมีองค์กรรับรองว่าเกษตรกรเลี้ยงอย่างมีจริยธรรม กลับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ราคาจะสูงกว่าไข่ทั่วไปก็ตาม

ทั้งนี้ นิยามการแบ่งไข่ไก่ในสหรัฐฯ บางประเภทแม้จะยังไม่ชัดเจนเท่าไร แต่ผู้บริโภคจำนวนมากก็คุ้นเคยกับคำศัพท์อยู่พอสมควร ตั้งแต่คำว่า Cage-free หรือ 'ไร้กรง' ที่ได้รับความนิยมอยู่พักใหญ่ หมายถึง ระบบที่ไก่ไม่ถูกคุกขังอยู่ในเล้าปิดและให้ยืนในคอกติดๆ กันแบบคอนโด ที่ไก่ไม่สามารถขยับไปไหนได้ ซึ่งเป็นการเลี้ยงไก่ที่ทำกันทั่วไป โดยระบบ Cage-free นี้ ไก่จะเดินไปมา ขยับปีก และวางไข่ได้อย่างค่อนข้างอิสระ ภายในพื้นที่ที่กำหนด ส่วนเกษตรกรก็จะตรวจดูไก่ผ่านกล้อง และบางฟาร์มมีการเปิดดนตรีคลอ เพื่อให้ไก่ผ่อนคลายอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ไม่ได้การันตีว่า ไก่จะไม่ถูกทรมาน คือ อาจยังถูกตัดปาก และขนส่งระยะไกลโดยไม่ให้น้ำและอาหารอยู่

อีกประเภทหนึ่งของไข่ไก่ คือ Free-range Eggs หรือ ไข่ที่มาจากไก่ที่เลี้ยงแบบปล่อย ซึ่งเป็นคำจำกัดความกว้าง ๆ ที่หมายถึง ไก่สามารถเดินออกไปพื้นที่กลางแจ้งได้อย่างอิสระ ไม่มีการคุมขัง โดยในสหรัฐฯ ไม่ได้มีการจำกัดความอย่างชัดเจนไปมากกว่านี้ ขณะที่ Natural Eggs ก็เป็นอีกคำที่ไม่ได้มีความหมายเจาะจง แค่หมายถึงไข่ที่ไม่ได้ถูกเติมส่วนผสมอื่น ๆ ลงไปเท่านั้น

Organic Eggs เป็นอีกคำที่นิยมกันมาก ทั้งจากฝั่งผู้ผลิตและผู้ผลิต หมายถึง ไข่ที่ USDA หรือ กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ ให้การรับรอง ว่าไม่มีการตัดแต่งพันธุกรรมใด ๆ มีการเลี้ยงตามมาตรฐาน ไก่ได้รับอาหารที่ปราศจากยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี และสารพิษอื่น ๆ ในขณะที่ไข่ไก่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากจนถือเป็นเทรนด์ขณะนี้ คือ Pastured Eggs ที่คล้ายกับ Free-range Eggs แต่มีการรับรองการเลี้ยงแบบมีจริยธรรมโดยองค์กรที่เกี่ยวข้อง แม้ว่า USDA จะยังไม่รับรองคำจำกัดความนี้ก็ตาม

ไก่ที่เลี้ยงแบบ Pasture-raised นี้ คือ ไก่ที่ไม่อยู่ในกรง เดินได้อย่างอิสระแบบไม่จำกัดพื้นที่ สามารถออกพื้นที่กลางแจ้งได้ตลอดเวลา และสามารถหาอาหารได้หลากหลาย ทั้งหญ้า ทั้งแมลงต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้ไข่ของไก่ประเภทนี้มีปริมาณ โอเมกา-3 และ โอเมกา-6 สูงกว่าไข่ประเภทอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงแบบนี้ไม่ได้รับรองว่าไก่จะไม่ถูกตัดปาก หรือ ขนส่งระยะไกลแบบงดน้ำงดอาหารเช่นกัน

การแบ่งไข่ไก่ออกเป็นประเภทต่าง ๆ และความนิยมด้านสุขภาพ ทำให้ผู้บริโภคในสหรัฐฯ หันมาใส่ใจสินค้าจากแบรนด์ที่ไว้ใจได้มากยิ่งขึ้น โดยจากเดิมที่การซื้อไข่จะเป็นแบรนด์ไหนก็ได้ กลับค่อย ๆ เปลี่ยนมาเป็นการบริโภคแต่แบรนด์ที่น่าเชื่อถือแทน

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ยอดขาย Pastured Eggs ปีนี้ พุ่งขึ้น 32% ขณะที่ Free-range Eggs เพิ่มขึ้น 8.5% ส่วน Cage-free Eggs เพิ่มขึ้น 3.9% และไข่ไก่ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.3% ขณะเดียวกัน ราคาของไข่ระดับพรีเมียมก็ค่อย ๆ 

ปรับลดลง แม้จะไม่ลดลงจนอยู่ในกลุ่มราคาที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ในสังคมซื้อได้ก็ตาม คือ จากราว 12 ดอลลาร์ หรือ 400 บาท มาอยู่ที่ 5 ดอลลาร์ หรือ 165 บาทต่อโหล ขณะที่ ไข่ทั่วไปอยู่ที่ไม่ถึง 2 ดอลลาร์ หรือเกือบ 70 บาทต่อโหลเท่านั้น

จากจำนวนไก่ 330 ล้านตัวในสหรัฐฯ มีเพียง 10 ล้านตัว เท่านั้นที่เลี้ยงแบบ Pastured และ Free-range และมีฟาร์มเพียง 30 กว่าแห่งที่ดำเนินการผลิตแบบนี้ อย่างไรก็ตาม เกษตรกรหวังว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนฟาร์มประเภทนี้อย่างรวดเร็วในปีหน้า และคาดว่าผู้บริโภคราว 30 เปอร์เซ็นต์ จะยอมจ่ายเพื่อซื้อไข่แบบพรีเมียม เนื่องจากความกังวลเรื่องสุขภาพของสัตว์ และเทรนด์รักสุขภาพ