บริษัทวอลโวประกาศว่าจะเลิกผลิตรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงเผาไหม้ภายในเครื่องยนต์ ถือเป็นการปรับเปลี่ยนทิศทางตีตัวออกห่างพลังงานเชื้อเพลิง แต่การตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวครั้งนี้ก็มีความเสี่ยงสูงมากสำหรับบริษัทรถยนต์แบบดั้งเดิมอย่างวอลโว
หลังวอลโวประกาศข่าวใหญ่เรื่องการจะเลิกผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานฟอสซิล และหันมาผลิตรถพลังไฟฟ้าและไฮบริด 100% ภายในปี 2019 นิตยสาร Forbes ก็ออกบทวิเคราะห์ว่า Volvo Electrified or Dies หรือวอลโวจะรุ่งหรือร่วง
Forbes ระบุว่า ท่าทีล่าสุดของวอลโวทำให้เห็นว่า บริษัทวอลโวภายใต้กรรมสิทธิ์ของบริษัท จีลี่ของจีนเปลี่ยนไปจากเดิม ด้วยการตอบรับความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวกว่าเดิม เพื่อให้วอลโวยังไม่ตกเทรนด์ที่กำลังจะมาถึง และมีการลงทุนมหาศาลในการพัฒนาสินค้าที่มีนวัตกรรมล้ำหน้า
รถยนต์วอลโวล้วนเป็นรถยนต์พรีเมียม ซึ่งหมายความว่า ลูกค้าของวอลโวจะไม่กระทบกระเทือนมากนัก หากค่าแบตเตอรีรถยนต์จะสูงขึ้นตามขนาดที่ใหญ่ขึ้น และที่ผ่านมา วอลโวก็มีภาพลักษณ์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมในระดับหนึ่งอยู่แล้ว ท่าทีดังกล่าวจึงไม่ทำให้วอลโวสูญเสียอัตลักษณ์ไป
อย่างไรก็ตาม หลังการประกาศนโยบาย มีการตั้งคำถามว่าผู้ใช้จะยอมจ่ายเงินเพื่อให้ได้รถยนต์ที่แพงกว่า เพียงเพราะวอลโวตัดตัวเลือกที่ถูกกว่าออกไปหรือไม่ เพราะปัจจุบัน เทคโนโลยีพลังงานสะอาดยังมีราคาแพง และเครื่องยนต์ไฮบริดก็ต้องใช้ระบบการขับเคลื่อน 2 ระบบที่แยกออกจากกัน ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะผลิตเครื่องยนต์ที่มีราคาลดลงจากเดิมไปมาก หากไม่มีการปฏิวัติเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลา แต่วอลโวเลือกที่จะไม่รอให้ถึงวันนั้น
แม้แบตเตอรีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจะมีราคาสูงมาก และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาแพง แต่การเลิกผลิตเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันล้วนก็ถือเป็นการลดค่าใช้จ่ายของวอลโวไปได้มาก เพราะไม่ต้องมีการรับรองหรือทดสอบการปล่อยก๊าซคาร์บอน ไม่ต้องจ่ายค่าวิศวกรออกแบบระบบการเผาไหม้ภายในที่แสนแพง ไม่เสี่ยงต่อกับอุตสาหกรรมเชื้อเพลงที่ผันผวน และไม่ต้องผลิตท่อไอเสียอีกต่อไป
การตัดลดค่าใช้จ่ายในส่วนการผลิตเครื่องยนต์เชื้อพลิงถือเป็นกลยุทธ์ที่ดีสำหรับวอลโวที่เป็นผู้ผลิตรถยนต์หรูระดับโลก แต่มีส่วนแบ่งในตลาดยานยนต์ไม่มากนัก และการมุ่งเน้นรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดก็เป็นการจับเทรนด์ในอนาคต เพราะหลายเมืองเริ่มแบนรถยนต์น้ำมันดีเซล และยอดขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลก็จะตกลง ที่สำคัญ วอลโวภายใต้บริษัท จีลี่ จะไม่ยอมผิดพลาดด้วยเหตุผลเดิมๆอย่างไม่ยอมเปลี่ยนแปลงไปตามเทรนด์การบริโภคของลูกค้า