โดรนจะขายดีขึ้น 3 เท่า ภายในปี 2023
ที่ต่างประเทศ หลายธุรกิจเริ่มนำโดรนเข้ามาให้บริการกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในภาคเกษตรกรรม อีคอมเมิร์ซ หรือการสำรวจ เพราะว่าโดรนสามารถเข้าถึงพื้นที่ที่รถยนต์ หรือมนุษย์เข้าไปไม่ได้ ที่สหรัฐฯ จึงประเมินว่าในอีกไม่กี่ข้างหน้า จำนวนโดรนที่ใช้เชิงพาณิชย์จะมีเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า
สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ FAA ประเมินว่าตลาดผลิตภัณฑ์โดรนเพื่อการพาณิชย์ทั้งในสหรัฐฯ และต่างประเทศ กำลังเติบโตเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ และน่าจะมีขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ภายในปี 2023 ซึ่งนับตั้งแต่ FAA ออกกฎเมื่อปี 2015 ว่าผู้ครอบครองโดรนเพื่อการพาณิชย์ ซึ่งหมายถึงโดรนที่ใช้ในการประกอบอาชีพ เช่น โดรนเพื่อการถ่ายรูปหรือถ่ายวิดีโอ โดรนเพื่อการเกษตร หรือโดรนที่ใช้ในการสำรวจ จะต้องมาลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ ขณะนี้ก็มีผู้นำโดรนมาลงทะเบียนแล้ว 277,000 เครื่อง โดยปีที่ผ่านมา มีผู้มาลงทะเบียนเพิ่มเฉลี่ยเดือนละ 15,000 เครื่อง และคาดว่าภายในปี 2023 จะมีผู้ครอบครองโดรนเพื่อการพาณิชย์สูงถึง 823,000 เครื่อง
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทหลายแห่งได้นำโดรนเข้ามาใช้ในธุรกิจของตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวงการถ่ายรูปและวิดีโอ ที่ภาพจากโดรนให้มุมมองที่สวยแปลกตา หรือร้านค้าปลีกและเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่นำโดรนมาใช้ส่งสินค้าให้กับลูกค้า เพราะสามารถขนส่งสินค้าไปยังพื้นที่ห่างไกล หรือพื้นที่ที่ถนนยังเข้าไม่ถึง แม้แต่โรงพยาบาลบัลติมอร์ก็ใช้โดรนขนส่งอวัยวะจากผู้บริจาคเป็นครั้งแรก เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ขณะที่ประสิทธิภาพของโดรนก็พัฒนาขึ้นไปมาก ไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัย การควบคุม ระยะทางการบินที่ไปได้ไกลมากขึ้น บินได้นานมากขึ้น จึงทำให้โดรนถูกนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์มากขึ้นเรื่อย ๆ
ผลทดสอบชี้ แบตไอโฟนหมดไวกว่าที่โฆษณา
Which? ซึ่งเป็นองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคในอังกฤษ ได้ทดสอบการใช้งานของ iPhone XR เพื่อดูว่าแบตเตอรี่สามารถใช้งานสนทนาทางโทรศัพท์ได้นาน 25 ชั่วโมงเหมือนที่โฆษณาหรือไม่ ซึ่งผลการทดสอบปรากฏว่า iPhone XR ที่นำมาทดสอบทั้ง 9 เครื่อง พบว่าทุกเครื่องไม่สามารถใช้คุยโทรศัพท์ได้นานถึง 25 ชั่วโมง เหมือนที่แอปเปิลโฆษณา โดยแต่ละเครื่องก็จะมีระยะเวลาการใช้งานน้อยกว่า 25 ชั่วโมงที่แตกต่างกันไป ซึ่งแม้แต่เครื่องที่ใช้คุยโทรศัพท์ได้นานที่สุด ก็นานเพียง 16:32 นาที เท่านั้น น้อยกว่าที่แอปเปิลโฆษณาไว้ถึง 8:28 นาที หรือคิดเป็น 51 %
Which? ยังได้ทดสอบแบตเตอรี่ของสมาร์ตโฟนรุ่นอื่น ๆ เช่น Sony Nokia Samsung และ HTC ซึ่งส่วนใหญ่ถือว่าใช้งานได้นานใกล้เคียงกับที่โฆษณา ขณะที่แอปเปิลได้ออกมาตอบโต้ว่าการทดสอบแบตเตอรี่ของแต่ละที่อาจจะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ซึ่งทางแอปเปิลยืนยันว่าการทดสอบของตัวเองเป็นไปอย่างรอบคอบ และละเอียดถี่ถ้วน ด้าน Which? ก็เตือนผู้บริโภคว่าต้องศึกษาข้อมูลสินค้าก่อนซื้อให้ดี อย่าเชื่อเพียงตัวเลขที่บริษัทใช้โฆษณา เพราะอาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริง
Sony Alpha A7 III ครองอันดับ 1 ในญี่ปุ่น
BCN บริษัทสำรวจการค้าปลีกในญี่ปุ่นสำรวจตลาดกล้องประเภท Full Frame Mirrorless ในญี่ปุ่นเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา และพบว่ากล้องของโซนี่ รุ่น Alpha A7 III ครอบครองส่วนแบ่งตลาดสูงเป็นอันดับ 1 มากถึง 44 เปอร์เซ็นต์ ตามด้วยอันดับ 2 เป็นกล้อง Canon รุ่น EOS RP ที่ครองส่วนแบ่งตลาด 14 เปอร์เซ็นต์ อันดับ 3 กล้อง Canon รุ่น EOS R ครองส่วนแบ่งตลาด 12 % อันดับ 4 กล้อง Nikon รุ่น Z6 ครองส่วนแบ่งตลาด 6 % และอันดับ 5 กล้องโซนี่ รุ่น Alpha A7 II ที่มีส่วนแบ่งตลาด 2 %
สาเหตุที่กล้องของโซนี่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นอันดับ 1 เพราะโซนี่ได้เข้ามาทำการตลาดแย่งชิงลูกค้าในส่วนของ Full Frame Mirrorless ก่อน Canon และ Nikon อยู่หลายปี ซึ่งนอกจากความคุ้มค่าเรื่องสเปกและราคาแล้ว จุดแตกต่างที่สำคัญคือกล้องประเภทนี้ของโซนี่ มีเลนส์ให้เลือกซื้อมากกว่าและครอบคลุมการใช้งานทุกประเภท ซึ่งในอนาคตหากกล้อง Canon และ Nikon มีเลนส์ใหม่ ๆ ออกมาให้ลูกค้าเลือกใช้งานมากขึ้น ก็อาจจะแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดจากโซนี่เพิ่มขึ้นได้