อูเบอร์เตรียมส่งอาหารด้วยโดรน
แอปพลิเคชันสั่งอาหารส่งถึงที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งความรวดเร็วในการส่งอาหารนับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกว่าจะใช้บริการของแอปฯ ไหน ทำให้การส่งอาหารทางอากาศด้วยโดรนกลายเป็นทางเลือกใหม่ ซึ่งล่าสุด อูเบอร์ ประกาศเตรียมที่จะใช้โดรนส่งอาหารให้กับลูกค้าในเมืองซานดิเอโก มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐฯ เป็นที่แรก ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
อูเบอร์ได้ทดสอบการใช้โดรนส่งอาหารในเมืองซานดิเอโกมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม แต่ไม่ใช่การส่งอาหารถึงมือผู้รับโดยตรง โดยโดรนจะบินไปจอดที่จุดแลนด์ดิงที่ปลอดภัยของอูเบอร์ที่อยู่ใกล้กับตำแหน่งผู้รับมากที่สุด ซึ่งอาจจะเป็นบนดาดฟ้าสำนักงานหรือลานจอดรถของอูเบอร์ และจะมีพนักงานนำอาหารไปส่งถึงมือผู้รับอีกต่อหนึ่ง ซึ่งวิธีนี้ช่วยให้การส่งอาหารในระยะทาง 2 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียง 7 นาที จากเดิมที่ใช้เวลา 21 นาที ด้วยรถยนต์หรือจักรยาน ส่วนค่าบริการจะไม่แตกต่างจากการส่งอาหารตามปกติมากเท่าไร
อูเบอร์ได้ทำงานร่วมกับแม็กโดนัลด์เป็นพาร์ตเนอร์รายแรก และได้ออกแบบกล่องใส่อาหารเพื่อส่งทางโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งนอกจากโดรนส่งอาหารแล้ว อูเบอร์กำลังเร่งพัฒนาแท็กซี่โดรน เพื่อทดสอบส่งผู้โดยสารทางอากาศในปี 2020 และเริ่มให้บริการจริงได้ภายในปี 2023
อัลกอริทึม MIT ช่วยให้หุ่นยนต์ไม่เดินชนคน
สถาบันเทคโนโลยี แมสซาชูเซตส์ หรือ MIT ได้พัฒนาระบบคำนวนเพื่อให้หุ่นยนต์สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างแนบเนียนมากขึ้น ด้วยการช่วยให้หุ่นยนต์คาดคะเนทิศทางที่มนุษย์กำลังจะเดินไป เพื่อป้องกันไม่ให้หุ่นยนต์กับมนุษย์เดินชนกันในที่ทำงาน โดยอัลกอริทึมจะสามารถคำนวนระยะห่างของหุ่นยนต์กับมนุษย์ที่อยู่รอบตัว แล้วดึงข้อมูลการเคลื่อนที่ของมนุษย์ที่เซนเซอร์ตรวจจับได้ ไม่ว่าจะเป็นท่ายืน ท่าเดิน การเคลื่อนไหวของศีรษะ เพื่อคาดว่าเราจะเดินไปทางไหนต่อ แล้วอัลกอริทึมจะสั่งว่าหุ่นยนต์ควรจะเดินต่อ หรือหยุดรอ เพื่อไม่ให้เดินชนกับมนุษย์
การทดสอบอัลกอริทึมของ MIT เป็นที่น่าพอใจ พบว่าหุ่นยนต์มีความรวดเร็วในการตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของมนุษย์ เช่นหากหุ่นยนต์หยุดรอให้มนุษย์เดินผ่านไปก่อน ก็สามารถกลับเดินต่อได้ทันที่หลังจากที่มนุษย์เดินผ่านไป ซึ่งต่างจากการพัฒนาในช่วงต้น ๆ ที่หุ่นยนต์จะมีความล่าช้าและการกระตุกเล็กน้อยก่อนที่ระบบจะสั่งให้หุ่นยนต์เคลื่อนไหวต่อ
อย่างไรก็ตาม อัลกอริทึมนี้ยังคงอยู่ในช่วงทดลอง และต้องใช้เวลาอีกนานจึงจะนำมาใช้ในสภาพแวดล้อมจริงได้ แต่หากสามารถนำมาใช้งานจริงได้เมื่อไร ก็จะช่วยให้มนุษย์และหุ่นยนต์ ทำงานร่วมงานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น
กล้อง Instax รุ่นใหม่อัดเสียงลงรูปได้
กล้องถ่ายรูป Instax ของฟูจิฟิล์ม เป็นกล้องถ่ายรูปอินสแตนต์ที่ถ่ายรูปแล้วจะได้รูปออกมาจากกล้องในทันที ซึ่งได้เปิดตัวรุ่นใหม่ล่าสุดที่มีชื่อว่า Instax mini LiPlay ที่ถูกออกแบบให้มีขนาดเล็กลง พกพาได้สะดวกขึ้น มาพร้อมกับจอ LCD ที่สามารถเลือกรูปที่ถ่ายได้ก่อนที่จะให้ปรินต์ออกมา นอกจากนี้ ยังมีฟิลเตอร์ยอดนิยมหลากหลายรูปแบบที่ผู้ใช้งานสามารถเลือกตกแต่งรูปได้โดยตรงจากตัวกล้องเลย
ฟีเจอร์ที่โดดเด่นที่สุด คือกล้องรุ่นนี้ สามารถบันทึกเสียงลงไปในรูปภาพก่อนปรินต์ได้ด้วย โดยเสียงจะถูกบันทึกลงในรูปภาพผ่าน QR Code ซึ่งผู้ใช้งานสามารถสแกนเพื่อฟังเสียงได้ ช่วยให้เราสามารถบันทึกความทรงจำผ่านรูปถ่ายได้ดียิ่งขึ้น ส่วนสเปกอื่น ๆ กล้องมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ใช้เลนส์ 28 มิลลิเมตร, รูรับแสงกว้าง F 2.0 มาพร้อมแฟลช LED ที่ติดอยู่หน้ากล้อง และกระจกสะท้อนสำหรับเล็งมุมเพื่อถ่ายภาพเซลฟี
กล้อง Instax mini LiPlay มีราคา 159 ดอลลาร์ หรือประมาณ 5,000 บาท มีให้เลือก 3 สี สีดำ, สีขาว และ สีทอง จะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนมิถุนายนนี้