ปัญหาขบวนการค้ามนุษย์ตามแนวชายแดน เป็นหนึ่งในประเด็นที่หลายรัฐบาลให้ความสำคัญ โดยล่าสุดมาเลเซียได้ประกาศว่าจะยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งไทย อินโดนีเซีย รวมถึงออสเตรเลีย เพื่อแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติในภูมิภาค
นายอาหมัด ซาฮิด ฮามิดี รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประกาศว่าจะยกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ข้ามชาติ โดยย้ำว่าจะไม่ยอมให้ขบวนการค้ามนุษย์ใช้มาเลเซียเป็นทางผ่านในการลำเลียงกลุ่มผู้อพยพอีกต่อไป โดยที่ผ่านมา กลุ่มผู้อพยพมักจะเดินทางตามแนวรอยต่อระหว่างชายแดนมาเลเซียกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทยและอินโดนีเซีย เพื่อผ่านไปยังปลายทางที่ประเทศออสเตรเลีย
นายอาหมัดได้เดินทางเยือนออสเตรเลียเป็นเวลา 3 วัน และได้ประสานความร่วมมือกับทางรัฐบาลออสเตรเลีย โดยย้ำว่าทั้งสองประเทศจะผลักดันให้มีการฝึกอบรมหน่วยลาดตระเวนชายแดน เพื่อให้มีความรัดกุมด้านการตรวจสอบผู้ลักลอบเข้าเมืองตามแนวชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองและดำเนินงานอย่างใกล้ชิดเพื่อปราบปรามเครือข่ายผิดกฎหมายต่างๆ ทั้งขบวนการค้ามนุษย์ ค้าอาวุธ และค้ายาเสพติด ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อทั้งความมั่นคงและระบบเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาค
จากข้อมูลของทางการมาเลเซีย พบว่าผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายในมาเลเซียมีจำนวนกว่า 5 หมื่น 6 พันคน โดยส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมโรฮิงญาจากประเทศเมียนมา และทางการมาเลเซียได้พยายามสนับสนุนให้ผู้อพยพเข้าอบรมในโครงการฟื้นฟูเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มคนเหล่านี้เข้าร่วมกับกลุ่มผู้ใช้ความรุนแรงและมีแนวคิดสุดโต่งในด้านต่างๆ ซึ่งทางรัฐบาลออสเตรเลียให้ความสนใจจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมเรียนรู้โครงการเช่นกัน
สำนักข่าวเบอร์นามาระบุด้วยว่าหน่วยงานอื่นๆ นอกเหนือจากรัฐบาลกลางมาเลเซียจะประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีแนวชายแดนร่วมกันอย่างไทยและอินโดนีเซีย เพื่อช่วยกันป้องกันและปราบปรามผู้ลักลอบเข้าเมืองและขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ โดยหน่วยงานเหล่านั้นรวมถึงกองทัพเรือและหน่วยลาดตระเวนชายแดน
ก่อนหน้านี้ รายงานการค้ามนุษย์ของกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ประจำปี 2559 เลื่อนอันดับให้ไทยและมาเลเซียขึ้นไปอยู่ในกลุ่มที่ 2 บัญชีรายชื่อประเทศที่ต้องจับตามองด้านสถานการณ์ค้ามนุษย์ ซึ่งถือว่ารัฐบาลของทั้งสองประเทศได้ดำเนินความพยายามอย่างมีนัยสำคัญในการขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ แต่การดำเนินงานอาจยังไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่ำสุดอย่างครบถ้วน แต่ละรัฐบาลจึงต้องแสดงความเป็นผู้นำในการดำเนินการแก้ปัญหาให้มากกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อให้มีผลงานที่เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิผล