เฟซบุ๊กเปิดตัวผลิตภัณฑ์โฆษณารูปแบบใหม่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเม็ดเงินโฆษณาทางโทรทัศน์ มายังสื่อออนไลน์ ที่ปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 1,500 ล้านคนทั่วโลก
เม็ดเงินโฆษณาทั่วโลก ส่วนใหญ่ยังคงเป็นของเฟซบุ๊ก เพราะการใช้งานถูกออกแบบมาให้ง่ายต่อการใช้งานผ่านมือถือ สร้างรายได้เกิน 3 ใน 4 จากเม็ดเงินโฆษณาผ่านมือถือที่ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี แต่เฟซบุ๊กยังไม่อยากหยุดแค่นั้น จึงพยายามทำทุกวิถีทางที่จะจูงใจให้นักโฆษณา โดยเฉพาะคนที่ใช้วิดีโอคลิป หันมาโฆษณาผ่านแพลทฟอร์มมือถือแทนโทรทัศน์ให้มากขึ้น โดยให้เหตุผลว่า คนรุ่นใหม่ใช้เวลาอยู่หน้าจอมือถือมากกว่าโทรทัศน์ จะดีกว่าไหมถ้าต้องจ่ายค่าโฆษณาแล้วเกิดความคุ้มค่ามากกว่ากัน
การเปิดตัวของผลิตภัณฑ์ใหม่เกิดขึ้นในงานสัปดาห์การโฆษณาครั้งที่ 12 ในนครนิวยอร์ก ที่รวบรวมนักโฆษณาและบริษัทโฆษณาทั่วโลกมาร่วมแสดงนวัตกรรมการโฆษณาระหว่างกัน โดยเฟซบุ๊กประกาศว่า ปัจจุบันมีนักโฆษณาใช้บริการเฟซบุ๊ก 2,500,000 ราย เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 2 ล้านรายในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
เดบรา วิลเลียมสัน นักวิเคราะห์ด้านการตลาดโซเชียลมีเดียของ eMarketer ระบุว่า เฟสบุ๊กพยายามรับฟังว่า นักโฆษณาต้องการอะไรเพิ่มบ้าง และพยายามตอบสนองความต้องการให้ได้มากที่สุด ล่าสุดคือการเจาะกลุ่มเป้าหมาย เพราะโทรทัศน์นั้น นักโฆษณาสามารถซื้อโฆษณาตามจำนวนผู้ชมที่ชมรายการนั้นๆ แต่ไม่สามารถระบุเพศ อายุ ความชอบได้ แต่เฟซบุ๊กสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่า กล่าวคือหากต้องการเข้าถึงผู้ชมที่เป็นผู้หญิงอายุระหว่าง 18-35 ปีก็สามารถเลือกร้านค้าบนเฟซบุ๊กที่มีกลุ่มเป้าหมายนี้ได้อย่างง่ายดาย
ผลิตภัณฑ์โฆษณาตัวใหม่นี้ จะสร้างการรับรู้แบรนด์ได้เป็นอย่างดี นักโฆษณาสามารถทำโพลได้เลยว่า กลุ่มเป้าหมายเห็นโฆษณามากน้อยเพียงใด เห็นอะไรบ้าง อย่างไรก็ตาม การใช้งานยังถูกจำกัดที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เท่านั้น
ทั้งนี้ เม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อดิจิตอลเติบโตอย่างรวดเร็ว คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 13% อยู่ที่ 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562 ในขณะที่การโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์น่าจะเติบโตเพียง 2% เท่านั้นที่ 7,800 ล้านเหรียญ