ในการพิธีเปิดการประชุมโบอ๋าวฟอรั่ม 2018 ที่จัดขึ้นมณฑลไห่หนาน ภายใต้ธีม "การเปิดและการริเริ่มของเอเชีย เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของโลก" ประธานาธิบดี สีจิ้นผิงของจีน ขึ้นกล่าวปาฐกถาในช่วงเช้าของวันนี้ (10 เมษายน) เตือนถึงสงครามเย็นจิตวิทยาครั้งใหม่จะไม่เป็นผลดีแก่ชาติใด พร้อมทั้งให้คำมั่นสัญญาจีนจะลดภาษีการนำเข้ารถยนต์และสินค้าจากต่างชาติ รวมไปถึงประกาศว่าจีนจะไม่มีวันปิดประเทศอีกต่อไป
จีนจะไม่มีวันปิดประตูตัวเองไม่ให้ไปออกไปสู่โลกภายนอก แต่จะเปิดประตูออกไปให้กว้างกว่าเดิม
สีจิ้นผิง กล่าวว่า ในปีนี้ รัฐบาลจีนตัดสินใจที่จะลดภาษีนำเข้ารถยนต์ และภาษีนำเข้าของสินค้าบางชนิด
นอกจากนี้สีจิ้นผิงยังกล่าวว่า สงครามจิตวิทยาและการแข่งขันที่ไม่สร้างผลลัพธ์เป็นเรื่องที่ล้าสมัยและตกยุคไปแล้ว การโดดเดี่ยวตนเองจะต้องถูกทำลาย รัฐบาลจีนจะส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างจีนและบริษัทต่างชาติให้มากขึ้น รวมไปถึงการปกป้องสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญาของต่างชาติในจีน ขณะเดียวกันจีนก็หวังให้รัฐบาลนานาชาติปกป้องสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญาของจีนเช่นกัน
อย่างไรก็ตามในสุนทรพจน์ของสีจิ้นผิงเช้านี้ไม่ได้กล่าวเจาะจงถึงสหรัฐฯหรือนโยบายการค้าใดๆ
ปี 2018 นี้เป็นการครบรอบ 40 ปีของการเปิดประเทศจีน ตามนโยบายของเติ้งเสียวผิงในนโยบาย 'ปฏิรูปและเปิดประเทศ' โดยสีจิ้นผิงกล่าวว่า 'นี่คือยุคแห่งการเปิดประเทศครั้งใหม่ของจีน' และยังให้คำมั่นสัญญาว่าจะสร้างโอกาสในภาคการเงินและภาคการผลิตของจีนในการลงทุนของต่างชาติมากขึ้น ตอนท้ายของสุนทรพจน์ครั้งนี้
"ผมอยากจะบอกทุกคนว่า จีนจะไม่มีวันปิดประตูตัวเองไม่ให้ไปออกไปสู่โลกภายนอก แต่จะเปิดประตูออกไปให้กว้างกว่าเดิม" สีจิ้นผิงกล่าว
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน เกิดขึ้นหลังจาก นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้มีท่าทีที่แข็งกร้าวต่อจีนเรื่องการค้ามาโดยตลอดกล่าวหาว่าจีนทำการค้ากับสหรัฐฯอย่างไม่เป็นธรรมและขโมยทรัพย์สินทางปัญญาจากบริษัทของสหรัฐฯที่ไปลงทุนเปิดโรงงานในจีน จนนำมาสู่การประกาศขึ้นภาษีสินค้าจากจีนกว่า 1,300 รายการ ซึ่งจีนก็ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าจากสหรัฐฯด้วยเหมือนกัน
ทั้งนี้นักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินซุนฮวงไขในปักกิ่ง โจนาส ชอต กล่าวว่า สุนทรพจน์ของสีจิ้นผิงในครั้งนี้เป็นสัญญาณที่ดีในการลดความตึงเครียดของสงครามการค้าที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะการลดกำแพงภาษีนำเข้ารถยนต์ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะเป็นชัยชนะของจีนที่เสนอให้กับทางสหรัฐฯ เนื่องจากแผนการเปิดตลาดรถยนต์ในจีนนั้นส่วนใหญ่เกิดขึ้นก่อนที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง