ในการให้สัมภาษณ์สดทางโทรทัศน์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก นายชุยเทียนไข่ เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯส่งสัญญาณว่าจีนอาจพิจารณาลดการซื้อพันธบัตรรัฐบาลจากสหรัฐฯ เพื่อเป็นการตอบโต้มาตรการขึ้นกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีนของนายโดนัลด์ ทรัมป์
โดยนายชุยระบุว่า สถานการณ์การโต้กลับเช่นนี้คือสิ่งที่เขากลัวว่าจะเกิดขึ้น แม้ว่าจีนจะแสดงจุดยืนมาโดยตลอดว่าไม่ต้องการที่จะสร้างสงครามการค้ากับใครทั้งสิ้น แต่การตัดสินใจเพิ่มกำแพงภาษีของผู้นำสหรัฐฯทำให้จีนไม่มีตัวเลือกและอาจจะต้องโต้กลับหากจำเป็น ซึ่งมีแต่จะส่งผลเสียทั้งกับชาติที่ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างจีน ชาติอื่นๆที่จะได้รับผลกระทบทางอ้อมจากความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ และตัวของสหรัฐฯเอง
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่นายทรัมป์ ลงนามการขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มซึ่งมีมูลค่าราว 50,000 ล้านดอลลาร์ หลังการสอบสวนเป็นเวลา 7 เดือนกรณีที่รัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวหาว่าจีนมีพฤติกรรมขโมยทรัพย์สินทางปัญญาบริษัทสัญชาติอเมริกันที่เข้าไปทำธุรกิจในจีน ด้วยการบังคับให้บริษัทต่างๆเปิดเผยข้อมูลสำคัญที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญาก่อนการเริ่มทำธุรกิจในจีน
ปัจจุบันจีนคือเจ้าหนี้อันดับหนึ่งของสหรัฐฯ ด้วยการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯมากที่สุดในโลก โดยตัวเลขล่าสุดเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา จีนถือครองพันธบัตรสหรัฐฯมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1.17 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 19 จากการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯโดยรัฐบาลต่างชาติ ซึ่งหากว่าจีนตัดสินใจลดการซื้อพันธบัตรสหรัฐฯลง หรือมีการโต้ตอบด้วยมาตรการทางเศรษฐกิจใดๆหลังจากนี้ นายชุยเทียนไข่ เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯชี้ว่ากลุ่มคนที่จะได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดก็คือคนอเมริกันชนชั้นกลาง