รัฐบาลกัมพูชาประกาศให้โรงเรียนเลิกก่อนเวลาปกติ 1 ชั่วโมงเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพเด็กจากอากาศที่ร้อนจัด และก่อนหน้านี้มีผลวิจัยที่บ่งชี้ว่า อุณหภูมิโลกที่สูงมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมองของคน รวมถึงเป็นสาเหตุสำคัญของการตายของสัตว์เลี้ยงในช่วงนี้อีกด้วย
กระทรวงศึกษาธิการของกัมพูชาประกาศให้โรงเรียนทั่วประเทศเลิกเรียนเร็วกว่าปกติ 1 ชั่วโมง นับตั้งแต่วันศุกร์ที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา หลังจากกัมพูชาประสบปัญหาคลื่นความร้อนแผ่ปกคลุมในหลายพื้นที่ ทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยเพิ่มสูง จึงเกรงว่าเด็กนักเรียนและครูจะได้รับผลกระทบด้านสุขภาพ โดยเว็บไซต์แคมโบเดียเดลีรายงานว่า มาตรการดังกล่าวจะมีผลต่อไปจนกว่าจะย่างเข้าสู่ฤดูฝนในกัมพูชา ซึ่งตามปกติแล้วจะประกาศอย่างเป็นทางการภายในเดือน พฤษภาคมของทุกปี
ขณะที่ World of Buzz สื่อออนไลน์ของมาเลเซีย รายงานด้วยว่าสภาพอากาศในประเทศไทยร้อนระอุ แม้แต่สุนัขและแมวจรจัดก็ยังทนอากาศร้อนไม่ไหว ต้องไปหลบร้อนตามหน้าร้านสะดวกซื้อซึ่งมีไอเย็นของเครื่องปรับอากาศหมุนเวียนผ่านในช่วงที่มีลูกค้าเดินเข้าหรือออกจากร้าน โดยการรายงานข่าวนี้เป็นการอ้างอิงข้อมูลความเคลื่อนไหวในสื่อสังคมออนไลน์ของไทยที่มีผู้เผยแพร่ภาพ 'หมาและแมวหน้าเซเว่น' อยู่หลายราย
ทั้งนี้ สภาพอากาศร้อนที่สะสมเป็นเวลานานมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมอง โดยก่อนหน้านี้นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในสหรัฐฯ ได้เผยแพร่บทสรุปการทดสอบและประมวลผลตอบคำถามของนักศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด 2 กลุ่ม เพื่อศึกษาว่าอากาศที่ร้อนมีผลต่อประสิทธิภาพการคิดหรือวิเคราะห์ของนักศึกษาหรือไม่
การเก็บรวบรวมข้อมูลเกิดขึ้นในช่วงที่สหรัฐฯ เผชิญกับคลื่นความร้อนอย่างต่อเนื่องเมื่อปี 2018 โดยนักศึกษากลุ่มแรกพักอยู่ในหอที่มีเครื่องปรับอากาศ และกลุ่มที่ 2 พักอยู่ในหอที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ จากนั้นจึงให้นักศึกษาทั้งสองกลุ่มทำแบบทดสอบประเมินภาวะสมองเสื่อม พบว่านักศึกษาที่อยู่ในหอที่มีเครื่องปรับอากาศมีคะแนนในเกณฑ์ปกติ เทียบเท่ากับผู้ที่ไม่ได้มีอาการสมองเสื่อม แต่นักศึกษาที่อยู่ในหอที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศมีคะแนนเทียบเท่ากับผู้ที่มีอาการบ่งชี้ว่าเข้าข่ายสมองเสื่อม จึงสรุปว่า อากาศร้อนส่งผลต่อกระบวนการคิดและประสิทธิภาพการทำงานของสมอง
นอกจากนี้ คณะนักวิจัยยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า แม้คลื่นความร้อนจะเคลื่อนผ่านพื้นที่ในบอสตันซึ่งเป็นที่ตั้งของหอพักนักศึกษาที่ทำการวิจัยดังกล่าวไปแล้ว แต่ความร้อนยังคงอยู่ภายในอาคารต่อไปอีกประมาณ 48 ชั่วโมง เพราะโครงสร้างอาคารในบอสตันถูกออกแบบมาเพื่อให้เก็บความร้อนเอาไว้ในหน้าหนาว ทำให้อาคารไม่ระบายความร้อนในหน้าร้อน
ผลกระทบที่รุนแรงอีกอย่างหนึ่งของอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นก็คือการส่งผลต่ออัตราการเกิดของประชากรโลก โดยงานวิจัยล่าสุดของอลัน บาร์รีกา นักเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในลอสแองเจลิสระบุว่า ความร้อนที่เพิ่มขึ้นจากความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศส่งผลให้อัตราการเกิดต่ำลง
ด้านเคอร์ส เซลส์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอีสต์แองเกลียก็พบว่า คลื่นความร้อนที่ทำให้อากาศมีอุณหภูมิสูงขึ้น 9-12 องศาสเซลเซียสเป็นเวลา 5 วัน ทำลายระบบสืบพันธุ์ของผู้ชาย แต่ไม่ทำลายระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง ความร้อนทำให้ระบบสืบพันธุ์ผู้ชายอ่อนแอลง การแข่งขันของสเปิร์มลดลง และคลื่นความร้อนที่เกิดขึ้นติดต่อกันจะทำให้ผู้ชายเป็นหมัน นอกจากนี้ ลูกที่เกิดจากพ่อที่มีเพศสัมพันธ์ช่วงอากาศร้อนจัดก็จะมีอายุสั้นกว่าด้วย
ทั้งนี้สภาพอากาศร้อนในประเทศไทยทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่เห็นได้ชัดคือโรคฮีทสโตรก หรือโรคลมแดด ที่เกิดจากร่างกายอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่อุณหภูมิสูง และได้รับความร้อนมากเกินไป ทำให้สมองเกิดการทำงานผิดปกติในส่วนการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ทำให้อุณหภูมิของร่างกายสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส ซึ่งโรคนี้นอกจากจะเกิดกับคนได้แล้ว ยังสามารถเกิดกับสัตว์เลี้ยงได้เช่นกัน
ด้านคนบันเทิงอย่างดีเจแมน และใบเตย อาร์สยาม แฟนสาว เปิดเผยผ่านอินสตาแกรมว่า ทั้งคู่ต้องสูญเสียสุนัขพันธุ์เฟรนช์บลูด็อก ชื่อ ‘เอลวิส’ไป ด้วยโรคฮีทสโตรกโดยทั้งคู่ได้โพสต์อาลัยน้องหมา และเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนเลี้ยงสุนัข โดยเผยว่า เอลวิส ตายด้วยโรคฮีทสโตรก ซึ่งทั้งคู่ได้พาไปโรงพยาบาล และรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูได้ไม่กี่ชั่วโมง น้องก็จากไป เพราะระบบภายในล้มเหลว มีเลือกออกทางปาก จมูก ตา ไม่หยุด และสุดท้ายก็หลับไป และก่อนหน้านี้ เมื่อ 19 เม.ย. สุนัขของ ตูน บอดี้สแลม และ ก้อย รัชวิน ‘สมคิด’ อายุ 12 ปี ก็ตายด้วยโรคฮีทสโตรก และเป็นพันธุ์ เฟรนช์บูลด็อกเช่นกัน
เนื่องจากสุนัขไม่ได้ขับเหงื่อทางร่างกายเหมือนกับคน แต่จะระบายความร้อนผ่านการหายใจ หากสุนัขอยู่ในบริเวณที่มีการถ่ายเทความร้อนได้ไม่รวดเร็วพอ ก็จะทำให้เป็นฮีทสโตรกได้ เพราะปกติแล้วอุณหภูมิร่างกายของสุนัขจะอยู่ที่ประมาณ 38-39 องศาเซลเซียส ซึ่งถ้าอุณหภูมิถึง 40 องศาเซลเซียส ก็จะแสดงอาการของโรคฮีทสโตรกให้เห็น และจะเริ่มเป็นอันตรายกับตับ ไต หัวใจ รวมถึงสมอง
สามารถสังเกตอาการของสุนัขได้จาก การที่สุนัขแลบลิ้นออกมามากจนผิดปกติ มีอาการเหนื่อย หอบ หายใจลำบาก กระหายน้ำรุนแรง น้ำลายเหนียวหนืด เหงือกและลิ้นมีสีแดงเข้ม มีอาการเซ สับสนมึนงง ชัก อาเจียนบ่อย ท้องเสียฉับพลัน นอนนิ่งเกร็งขาทั้ง 4 ข้าง ตามตัวมีอุณหภูมิสูง อีกทั้งอาจเลือดกำเดาไหล หรือชักร่วมด้วย หากอาการรุนแรงก็อาจถึงตายได้
วิธีดูแลสุนัขเมื่อมีอาการฮีทสโตรก ให้นำสุนัขออกจากบริเวณที่มีความร้อนสูง และนำไปอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทดี ควรให้สุนัขกินน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิห้องทีละน้อย หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าเย็นห่มตัวสุนัขทิ้งไว้ แต่สามารถเช็ดตัวได้ รวมถึงหลีกเลี่ยงการแช่น้ำ เพราะทำให้อุณหภูมิในร่างกายของสุนัขลดลงเร็วเกินไป แต่สามารถค่อยๆ ราดน้ำบนตัวสุนัขได้ และหากเป็นไปได้ควรพาไปพบสัตวแพทย์