รัฐบาลสหราชอาณาจักร วางแผนที่จะประกาศห้ามการจำหน่ายหลอด ที่คนแก้ว และคอตตอนบัด ที่ทำจากพลาสติก เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมให้ปลอดขยะพลาสติกอย่างจริงจัง
รัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรประกาศแผนรับมือปัญหาขยะพลาสติกในงานประชุมผู้นำฝ่ายบริหารรัฐเครือจักรภพ เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา (19 เม.ย.) ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยเตรียมห้ามจำหน่ายหลอด ที่คนแก้ว และก้านสำลีพันพลาสติก หรือคอตตอนบัด ที่ทำจากพลาสติก
โดย เทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีของอังกฤษกล่าวว่า ขยะพลาสติกเป็นหนึ่งในความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่โลกกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ ดังนั้นการปกป้องสิ่งแวดล้อมทางทะเลจึงควรเป็นวาระสำคัญของการประชุมครั้งนี้ โดยขณะนี้รัฐบาลอังกฤษกำลังระดมทุนจากประเทศในเครือจักรภพเป็นเงินราว 61,4000 ล้านปอนด์ หรือราว 2 ล้านล้านบาท ในการทำวิจัยทั่วโลก เพื่อปรับปรุงระบบจัดการขยะในประเทศกำลังพัฒนา โดยภาครัฐจะทำงานกับกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อให้แต่ละฝ่ายสามารถปรับตัวเข้ากับแนวทางรักษ์โลกนี้ได้ต่อไป
ความตื่นตัวในการลดใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติก ได้ทำให้ซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่อย่าง 'ไอซ์แลนด์' ซึ่งเชี่ยวชาญด้านอาหารแช่แข็ง ให้คำมั่นที่จะกำจัดบรรจุภัณฑ์พลาสติกออกจากผลิตภัณฑ์ของตนเองภายในปี 2023 /ขณะที่ผู้จัดเทศกาลกว่า 60 แห่งในสหราชอาณาจักรก็มุ่งมั่นที่จะแบนหลอดพลาสติกภายในงานด้วย และตั้งเป้ากำจัดหลอดพลาสติกใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งให้หมดไปภายในปี 2021
โดยพลาสติกใช้แล้วทิ้งถือเป็นภัยพิบัติทางทะเลที่สำคัญ ซึ่งทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งมีชีวิตไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้ได้สั่งแบนการใช้ไมโครบีดส์ ที่เป็นชิ้นส่วนขนาดเล็กของพลาสติกไปแล้ว รวมถึงสั่งลดการใช้ถุงพลาสติก โดยตอนนี้จะผลักดันการงดใช้หลอด ที่คนแกแ้ว และคอตตอนบัดต่อไป เพื่อปกป้องสิ่งมีชีวิตในทะเล
ปัญหาขยะพลาสติกในมหาสมุทรเป็นเรื่องที่ร้ายแรงไปทั่วโลก และต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยคณะกรรมาธิการยุโรปให้ข้อมูลว่า ชาวยุโรปสร้างขยะพลาสติกมากถึง 25 ล้านตันต่อปี แต่ไม่ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของขยะเท่านั้นที่ถูกนำไปรีไซเคิล ดังนั้นการดำเนินการของรัฐบาลสหราชอาณาจักรในครั้งนี้ก็ถือเป็นนโยบายที่สะท้อนให้เห็นความตื่นตัว และความตั้งใจที่จะรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น