หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจไม่น้อยในกรุงลอนดอนคือ สวนพฤกษศาสตร์คิว การ์เดนส์ (Kew Gardens) ที่มี Glass House หรือเรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ ซึ่งหลังจากปิดปรับปรุงเรือนกระจกไปนานถึง 5 ปี ล่าสุดทางสวนได้ประกาศเตรียมกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง
หลังจากที่สวนพฤกษศาสตร์คิว การ์เดนส์ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้ปิดปรับปรุงเรือนกระจกยุควิคตอเรียนที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปนาน 5 ปี/ ล่าสุดได้มีการประกาศว่า จะมีการเปิดเทมเพอเรท เฮาส์ อีกครั้งในวันที่ 5 พฤษภาคมนี้ โดยถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่สิ่งก่อสร้างภายใต้การพิทักษ์ในเกรด I ซึ่งมีความสำคัญด้านสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ของอังกฤษ ได้รับการปรับโฉมให้เป็นอาคารสไตล์โมเดิร์นด้วยการเปลือยโ���หะที่เป็นโครงสร้างอาคาร พร้อมใช้แผ่นกระจกกว่า 15,000 ชิ้น และใช้สีมากกว่า 5,280 ลิตร ซึ่งสามารถเทกลบสนามฟุตบอลได้มากถึงสี่สนาม
เรือนกระจกนี้รวบรวมพืชพันธุ์ในเขตอบอุ่นจากทั่วโลกกว่า 10,000 ชนิด ซึ่งพฤกษศาสตร์ทั้งหมดจะได้รับการดูแลอย่างดี ไม่ให้ได้รับความเสียหาย เช่นจากน้ำค้างแข็ง โดยเรียกบริเวณนี้ว่า The Goldilocks Zone/ และยังมีตัวอย่างของพืชพันธุ์ที่หาได้ยากและเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อีกหลายชนิด
นอกจากนี้ ที่นี่ยังเก็บรักษาเขตอบอุ่นที่หายากอีก 1,500 สายพันธุ์ รวมถึงพรรณพืชหายากจากแอฟริกาใต้อย่าง Encephalartos woodii ซึ่งสูญพันธุ์จากธรรมชาติไปแล้ว และเหลือเพียงต้นเดียวในโลกที่สวนแห่งนี้ หลังจากที่สวนได้ทำการแยกหน่อออกมาจากต้นในช่วงศตวรรษที่ 19 แต่ปัจจุบันไม่สามารถขยายพันธุ์ได้ เนื่องจากเหลือเพียงเกสรตัวผู้ คณะทำงานจึงพยายามหาเกสรตัวเมียมาขยายพันธุ์ต่อไป
สวนพฤกษศาสตร์คิว การ์เดนส์ระบุว่า การปรับปรุงในช่วง 5 ปีของเรือนกระจกแห่งนี้ใช้งบประมาณไปถึง 41 ล้านปอนด์ หรือราว 1,760 ล้านบาท ซึ่งค่าใช้จ่ายนี้รวมการรื้อถอน ซ่อมแซม และเปลี่ยนชิ้นส่วนกว่า 60,000 ชิ้น/ ซ่อมแซมกระถางเพาะชำกว่า 116 กระถาง และใช้พนักงาน รวมถึงผู้รับเหมา 400 คน เพื่อทำงานรวม 1,731 วันให้ภารกิจนี้สำเร็จไปด้วยดี
นอกจากสวนพฤษศาสตร์แล้ว คิว การ์เดนส์ยังมีสถาปัตยกรรมร่วมสมัยที่โดดเด่นมากอีกด้วย เช่น The Hive สถาปัตยกรรมที่มีรูปร่างเหมือนรังผึ้ง รวมถึงอาคารเก่าแก่ แกลเลอรี พิพิธภัณฑ์ และร้านอาหารหรูในสวน ใครที่มีโอกาสแวะไปกรุงลอนดอนก็สามารถแวะไปเยี่ยมชมได้ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคมนี้