ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตจะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการทำงานในอุตสาหกรรมหลายอย่าง หลายๆ ธุรกิจก็ได้รับผลกระทบกันไปแล้ว อีกหลายๆ ธุรกิจก็จะกำลังได้รับผลกระทบในอนาคตอันใกล้ ส่วนผลกระทบกับประชาชนก็คือ การตกงานมากขึ้น เพราะหุ่นยนต์รวมทั้งเทคโนโลยีเอไอ จะเข้ามาแย่งงานมนุษย์ ถ้าคนยุคนี้ไม่มีการปรับตัวหรือเพิ่มทักษะการทำงานให้ตัวเองก็เสี่ยงที่จะถูกหุ่นยนต์แย่งงาน มาดูกันว่าทักษะการทำงานที่จะเป็นที่ต้องการในอนาคตมีอะไรบ้าง และเราควรจะพัฒนาตัวเองยังไรเพื่อลดความเสี่ยงที่จะตกงาน
ในรายงาน “The Future of Jobs” หรือว่าอนาคตของการทำงาน ที่นำเสนอในการประชุม “World Economic Forum” ได้นำเสนอ 10 ทักษะที่ตลาดงานทั่วโลกจะต้องการ ภายในปี 2020 โดยทักษะ 10 อย่างนี้ ครอบคลุมใช้ได้กับทุกสายอาชีพ และก็ทุกระดับการทำงานตั้งแต่พนักงานระดับปฏิบัติการ ไปจนถึงระดับที่ผู้บริหาร ก็ควรจะมีทักษะเหล่านี้ไว้ประกอบด้วยอะไรบ้าง
1. ทักษะการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน (Complex Problem Solving)
ปัญหาในที่ทำงานตอนนี้ก็จะค่อยๆ มีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ตามโมเดลธุรกิจที่มีหลายฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ปัญหาไม่ว่าจะมีความซับซ้อนแค่ไหน ขั้นตอนการแก้ปัญหาจริงๆ แล้วก็ไม่ต่างอะไรจากปัญหาปกติ นั่นก็คืออย่างแรกต้องระบุปัญหาให้ได้ก่อนว่าคืออะไร ตามด้วยการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในทันทีก่อน แล้วค่อยระดมสมองเพื่อไปแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เมื่อแก้ไขเสร็จแล้ว ก็ต้องมีการป้องกันไม่ให้ปัญหาเดิมเกิดขึ้นซ้ำ สิ่งสำคัญคือเวลาที่เกิดปัญหาอะไรในที่ทำงานขึ้น เราพยายามเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา อย่าไปสร้างปัญหาเพิ่ม ไม่งั้นจะเสี่ยงตกงานมาก
2. ทักษะการคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking)
ขณะนี้ทักษะการคิดวิเคราะห์มีความสำคัญมากยิ่งขึ้น เพราะว่าเราอยู่ในยุคที่ข่าวสารข้อมูลทั้งจริงและไม่จริง แพร่กระจายได้อย่างเสรี ซึ่ง ทักษะการคิดวิเคราะห์ตรงนี้ จะช่วยให้เราแยกแยะได้ว่าอะไรคือข้อมูลจริง อันไหนคือข้อมูลเท็จ วิธีการฝึกจริงๆก็ไม่ได้ยากอะไร ไม่ได้เกี่ยวข้องว่าจะต้องฉลาดหรือว่าจะต้องเรียนสูงๆ แต่เวลาที่เรารับรู้ข้อมูลอะไรบางอย่าง เราต้องคิดตามไปด้วยว่ามันฟังดูมีเหตุมีผลมั้ย เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้จริงหรือเปล่า
3. ทักษะความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)
แม้ว่าหุ่นยนต์จะทำหน้าที่ประเมินข้อมูลอะไรต่างๆ ได้ดีและรวดเร็วกว่ามนุษย์ แต่หุ่นยนต์ยังไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความคิดสร้างสรรค์ แต่มนุษย์มีและความคิดสร้างสรรค์ก็เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยทำให้ธุรกิจของเราโดดเด่นและก้าวหน้าได้เร็วกว่าคู่แข่ง ยิ่งยุคนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงการทำงานหลายๆอย่าง จะมัวมาทำงานแบบเดิมๆ มันไม่ได้แล้ว ก็ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์นี่แหละว่าเราจะทำงานยังไงให้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิม
4. ทักษะการบริหารจัดการบุคคล (People Management)
5. ทักษะการทำงานร่วมกัน (Coordinating with Others)
เพราะในอนาคต โลกมีแต่จะไร้พรมแดนมากขึ้น จึงมีแนวโน้มที่เราจะต้องทำงานกับคนต่างชาติ ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรมกันมากขึ้น เรื่องการบริหารบุคคลหรือการทำงานร่วมกับผู้อื่นมันก็จะเป็นเรื่องที่ท้าทายยิ่งขึ้น เราก็ต้องมีความเข้าใจในเรื่องวัฒนธรรมสากล รวมทั้งวัฒนธรรมของคนแต่ละประเทศให้มากขึ้นด้วย เพื่อที่การทำงานร่วมกันจะได้ไม่มีปัญหา
6. ทักษะความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence)
เรื่องความฉลาดทางอารมณ์ก็สำคัญมานานแล้ว คือเราต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ได้ ไม่ให้อารมณ์ส่วนตัวและอารมณ์ผู้อื่นมาอยู่เหนือการใช้เหตุผล ซึ่งความฉลาดทางอารมณ์ช่วยพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานได้ถึง 70%
7. ทักษะรู้จักประเมินและตัดสินใจ (Judgment and Decision Making)
การฝึกตัวเองให้มีความสามารถที่จะประเมินความเสี่ยงในสถานการณ์ต่างๆ และกล้าตัดสินใจด้วยตัวเองว่าจะทำยังไง รวมทั้งต้องกล้ายอมรับผลลัพธ์ที่ออกมาด้วยไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว คือคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยกล้าตัดสินใจอะไร กลัวว่าพลาดขึ้นมาแล้วจะโดนต่อว่าแล้วก็ต้องมารับผิดชอบ แต่ถ้าเรามีทักษะการประเมินความเสี่ยงที่ดี มันก็จะช่วยลดโอกาสที่จะผิดพลาดได้ แล้วถึงคุณตัดสินใจแล้วพลาดขึ้นมา มันก็จะได้เป็นบทเรียนที่ดีต่อการตัดสินใจในอนาคต
8. ทักษะมีใจรักบริการ (Service Orientation)
งานบริการยังไง มนุษย์ก็ยังทำได้ดีกว่าหุ่นยนต์ ถ้าใครที่มีใจรักการบริการที่ดี ยิ้มสวยๆ พูดจาดีๆ ยังไงก็ไม่ตกงาน บางคนบอกว่าบริการคนอื่นไม่เป็น ยิ้มไม่เป็น ทำยังไงดี เรื่องพวกนี้ฝึกกันได้ครับ คิดซะว่ามันเป็นการแสดงอย่างหนึ่ง ฝึกพูดจาเพราะๆ มำหน้าให้ยิ้มแย้มแจ่มใส อนาคตถ้าไม่อยากตกงาน ยังไงก็ต้องมีไว้ครับ
9. ทักษะการเจรจาต่อรอง (Negotiation)
10. ทักษะความยืดหยุ่นทางความคิด (Cognitive Flexibility)
จุดเด่นของมนุษย์อย่างหนึ่งที่หุ่นยนต์ไม่มี คือคนเราเวลามีปัญหาพูดคุยเจรจากัน ทุกอย่างมันไม่มี Yes หรือ No 100% เราสามารถที่จะเจรจาต่อรองเพื่อให้ทุกฝ่ายได้ผลประโยชน์ร่วมกันได้ คือบางคนจะมีนิสัยชอบปฏิเสธคนห้วนๆ คนมาซื้อของขอต่อราคา ไม่ได้ก็บอกไม่ได้ห้วนๆ มีคนนัดคุยงาน ไม่ว่างก็บอกไม่ว่างแบบไม่มีเยื่อใย ใครเป็นแบบนี้ต้องรีบแก้ไข ปฏิเสธได้แต่ต้องรู้จักการยืดหยุ่น อันนี้ลดราคาไม่ได้นะครับ แต่ถ้าซื้อเดี๋ยวผมให้ของแถม หรือ วันพรุ่งนี้ผมไม่ว่างนะครับ ไว้นัดเป็นวันถัดไปได้มั้ยครับ ถ้าเราปฏิเสธห้วนๆ อันนี้มันก็เหมือนเราเป็นหุ่นยนต์ เอาหุ่นยนต์มาขายของแทนก็ได้ เป็นมนุษย์ทำงานต้องรู้จัการยืดหยุ่น ไม่มีอะไรผิดหรือถูก 100%
รวมๆ แล้วคุณลักษณะของคนทำงานที่ผู้ประกอบการต้องการ นอกจากพวกเรื่องของวุฒิการศึกษา ความสามารถด้านภาษา หรือประสบการณ์การทำงานแล้ว คือต้องมีความยืดหยุ่นทางความคิด ปรับ และเปลี่ยนให้ได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ยึดติดกับความคิด หรือไอเดียเดิมๆ ที่ตัวเองเคยทำมา รวมทั้งความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น