เป็นความสูญเสียครั้งสำคัญในวงการวิทยาศาสตร์ เมื่อ ‘สตีเฟน ฮอว์คิง’ นักฟิสิกส์อัจฉริยะแห่งยุค ได้เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 76 ปี
ครอบครัวของ ‘สตีเฟน ฮอว์คิง’ ได้ออกแถลงการณ์แจ้งข่าวเศร้าว่านักฟิสิกส์ชื่อดังได้เสียชีวิตแล้ว ในช่วงเช้าวันนี้ (14 มี.ค. 61) ด้วยวัย 76 ปี ที่บ้านพักในเมืองแคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ
โดย ‘สตีเฟน ฮอว์คิง’ เกิดเมื่อวันที่ 8 มกราคม 1942 ก่อนจะก้าวมาเป็นศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านฟิสิกส์ทฤษฎีและจักรวาลวิทยา ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการทำนายเชิงทฤษฎีที่ว่าหลุมดำควรปล่อยรังสี โดยปัจจุบันมีการเรียกรังสีที่ปล่อยจากหลุมดำว่า ‘รังสีฮอว์คิง’
นอกจากนั้น ฮอว์คิงยังเขียนหนังสือขายดี ‘A Brief History of Time’ หรือ ‘ประวัติย่อของกาลเวลา’ ซึ่งตีพิมพ์ในปี 1988 ที่อธิบายถึงทฤษฎีที่เขาค้นพบ รวมถึงจักรวาลวิทยา ซึ่��ช่วยให้คนทั่วไปเข้าใจเรื่องที่ดูไกลตัวเหล่านี้มากขึ้น ก่อนจะออกหนังสือเล่มต่อมา ‘The Universe in a Nutshell’ หรือ ‘จักรวาลในเปลือกนัท’ ในปี 2001 ซึ่งติดอันดับหนังสือขายดีในหมวดวิทยาศาสตร์อ่านสนุก หรือ Popular Science เช่นกัน
ตั้งแต่อายุ 21 ปี ฮอว์คิงต้องต่อสู้กับโรคภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดหายาก หรือ ALS จนต้องนั่งรถเข็น และสื่อสารผ่านอุปกรณ์สังเคราะห์เสียงพูดมาโดยตลอด แต่เขายังคงมุ่งมั่นถ่ายทอดความรู้ที่มีอย่างต่อเนื่องอย่างเข้าใจง่าย และมีอารมณ์ขัน จนทำให้หลายคนประทับใจความอัจฉริยะที่เข้าถึงได้ของฮอว์คิง
นอกจากผลงานวิชาการ ฮอว์คิงยังเขียนซีรีส์หนังสือเด็กร่วมกับลูกสาว ‘ลูซี่’ ออกมาระหว่างปี 2007 - 2014 โดยเล่าเรื่องราวการสำรวจอวกาศของเด็ก ๆ ซึ่งเริ่มจากเล่มแรก ‘George's Secret Key to the Universe’
วงการภาพยนตร์ยังนำแรงบันดาลใจจากฮอว์คิงมาสร้างสรรค์เป็นผลงานผ่านแผ่นฟิล์ม เริ่มจากสารคดีชีวประวัติ ‘A Brief History of Time’ ในปี 1991 , สารคดีโทรทัศน์ ‘Stephen Hawking's Universe’ ในปี 1997 , ภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง 'Hawking' ของ BBC ในปี 2004 ที่ได้นักแสดงดังอย่าง 'เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์' มาแสดงเป็นนักฟิสิกส์ชื่อดัง , สารคดีชีวประวัติ 'Hawking: Brief History of Mine' ในปี 2013 และภาพยนตร์รางวัล 'The Theory of Everything' ในปี 2014 ที่ส่งให้นักแสดงหนุ่ม 'เอ็ดดี้ เรดเมย์น' คว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม บนเวทีออสการ์ไปครองได้สำเร็จ