รัฐแคลิฟอร์เนีย ในสหรัฐอเมริกา เตรียมออกกฎหมายให้บ้านใหม่ที่สร้างหลังปี 2020 ติดตั้งโซลาร์เซลล์ทุกหลัง ซึ่งจะทำให้เป็นรัฐแรกที่มีการบังคับใช้กฎนี้ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน
คณะกรรมาธิการด้านพลังงานของรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ได้ลงมติว่านับตั้งแต่ปี 2020 ที่อยู่อาศัยสร้างใหม่ทุกหลัง ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโดมิเนียม หรืออพาร์ตเมนต์ จะต้องติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา โดยยกเว้นอาคารที่อยู่ใต้เงาอาคารสูงหรือต้นไม้ แต่อาคารเหล่านี้ต้องใช้พลังงานสะอาดด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แผนนี้ไม่ได้บังคับให้บ้านทุกหลังใช้พลังงานแสงอาทิตย์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้รับสร้างบ้านที่ติดตั้งแบตเตอรี่สะสมพลังงานไว้ภายในไว้อย่าง Powerwall ของเทสลา ที่จะเอื้อให้สร้างแผงควบคุมขนาดเล็กลงได้ และสามารถนำพลังงานที่ได้เกินมานั้นไปใช้ในยามต้องการ
โดยข้อกำหนดใหม่นี้จะทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างมากขึ้นราว 25,000 - 30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 797,000- 950,000 บาท แต่ในระยะยาวจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของเจ้าของบ้านได้ถึง 50,000 - 60,000 ดอลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1 ล้าน 5 แสนบาท ถึง 1 ล้าน 9 แสนบาท ตลอดอายุการใช้งานของแผงซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 25 ปี
หากไม่มีเสียงคัดค้านในการลงมติวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ แคลิฟอร์เนียจะเป็นรัฐแรกที่มีนโยบายติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์อย่างจริงจัง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยากในรัฐนี้ เนื่องจากเป็นรัฐที่มีอากาศอบอุ่น มีแสงแดด และมูลค่าอสังหาริมทรัพย์สูง/ แต่จะเป็นเรื่องที่ทำได้ยากในรัฐแถบมิดเวสต์ ซึ่งมีอากาศหนาว และราคาบ้านไม่สูงนัก โดยหลายฝ่ายวิจารณ์ว่า นโยบายนี้อาจยิ่งทำให้ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยเลวร้ายลง เพราะผู้คนไม่สามารถซื้อบ้านราคาสูงได้
อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดนี้อาจก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทั้งด้านพลังงานของแคลิฟอร์เนีย และตลาดโดยรวม/ โดยปัจจุบันมีบ้านไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ที่ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่ในอนาคต ธุรกิจนี้อาจเติบโตขึ้นถึงห้าเท่า และหลายองค์กรอาจสนใจมาร่วมลงทุน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาต้นทุนของการติดตั้งแผลโซลลาร์เซลล์ถูกลง และเข้าถึงได้ ไม่เพียงแค่แคลิฟอร์เนีย แต่รวมถึงรัฐทั้งหมดในอเมริกา