นักวิจัยฮ่องกงระบุว่า ผลการศึกษาล่าสุดอาจนำไปสู่วิธีระงับเชื้อเอชไอวีแบบถาวร หรือ Functional Cure ถือเป็นการขยับเข้าใกล้การผลิตวัคซีนโรคเอดส์เข้าไปอีกขั้น
ทีมนักวิจัยจากสถาบันโรคเอดส์ ของมหาวิทยาลัยฮ่องกง เปิดเผยข้อมูลจากการใช้แอนติบอดีชนิดใหม่กับหนูทดลองติดเชื้อเอชไอวี พบว่าสามารถควบคุมไวรัส และทำลายเซลล์ในร่างกายที่ติดเชื้อได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การรักษาแบบ Functional Cure หรือ การระงับเชื้อไม่ให้เกิดอาการได้อย่างถาวร และมีจำนวนเซลล์ติดเชื้อน้อยจนตรวจไม่พบ โดยที่ผู้ป่วยต้องฉีดแอนติบอดีเข้าสู่ร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ แอนติบอดีดังกล่าวมีระยะการออกฤทธิ์นานกว่ายาที่ผู้ป่วยเอชไอวีเอดส์ใช้อยู่ในปัจจุบัน ที่ต้องรับประทานยาทุกวัน โดยอาจต้องใช้เพียงปีละ 4 ครั้ง เท่ากับว่า การรักษาแบบใหม่อาจลดปริมาณยาและความถี่ของการรับยาลง ซึ่งจะเอื้อให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้สะดวกสบายขึ้น
การค้นพบครั้งนี้มีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของจำนวนกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวีในประเทศจีน ซึ่งส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากการใช้บริการค้าประเวณีโดยไม่ป้องกัน โดยตามรายงานของสหประชาชาติระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีในจีนราว 850,000 คน ขณะที่ ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อรวมกว่า 36 ล้านคน
หลังจากนี้ ทีมวิจัยหวังจะเพิ่มประสิทธิภาพของแอนติบอดีที่ใช้ เพื่อพัฒนาเป็นเซรั่มที่ฉีดกับผู้ป่วยได้จริงต่อไป