โฆษกประจำกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือ ออกมากล่าวกับทาง KCNA สื่อของรัฐบาลเกาหลีเหนือเมื่อวานนี้ (3 ก.ค.) ว่า “ความเป็นจริงนั้นเปิดเผยอย่างชัดเจนว่า เป้าประสงค์ที่แท้จริงของสหรัฐฯ ในการแพร่ข่าวลือเกี่ยวกับ ‘ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ’ เป็นการมอบข้ออ้างเพื่อสร้างการบรรลุอำนาจสูงสุดทางทหารเหนือภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก”
“สถานการณ์ที่เป็นอยู่ได้เรียกร้องอย่างเร่งด่วนมาถึงการสร้างการป้องกันประเทศ เพื่อรับมือกับสภาพแวดล้อมด้านความปลอดภัยที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างรวดเร็ว” โฆษกประจำกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือระบุ
เมื่อสัปดาห์ก่อน โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และ ยุน ซุกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้มีการพบปะหารือกันนอกรอบการประชุมสุดยอดของ NATO ก่อนที่ทั้งสามผู้นำจะเห็นพ้องกันว่าความคืบหน้าของโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ก่อให้เกิดภัยคุกคามร้ายแรงไม่เพียงแต่ในคาบสมุทรเกาหลี แต่หมายรวมถึงทั้งเอเชียตะวันออกและโลกทั้งใบ
ทั้งสามชาติยังได้เห็นพ้องในการสำรวจหาวิธีการเพิ่มเติมใดๆ เพิ่มเสริมสร้าง “การป้องปราม” ต่อภัยคุกคามอย่างเกาหลีเหนือ โดยตลอดระยะเวลานับปีที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ทำการทดลองการยิงขีปนาวุธบ่อยครั้งอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และบางฝ่ายเชื่อว่าเกาหลีเหนือกำลังเตรียมตัวในการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของตนอีกครั้ง
"ความสามารถในการป้องปรามของพันธมิตรญี่ปุ่น-สหรัฐฯ และสหรัฐฯ-สาธารณรัฐเกาหลี จำเป็นต้องได้รับการยกระดับ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จำเป็น ในการเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนไตรภาคีระหว่างญี่ปุ่น สหรัฐฯ และเกาหลีใต้" คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าว
อย่างไรก็ดี ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้มีความตึงเครียดมายาวนาน หลังจากที่ญี่ปุ่นเคยเข้ายึดครองคาบสมุทรเกาหลีในช่วงปี 2453 จนถึง 2488 โดยความสัมพันธ์ของทั้งสองชาติถอยหลังเลวร้ายที่สุดในรอบหลายปี ภายใต้การนำของ มุน แจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนก่อน ด้วยการมีข้อพิพาทกันเหนือดินแดนและประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
ทั้งสองชาติถูกเรียกร้องให้ร่วมมือกันในการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง เพื่อป้องปรามภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ดี ยุนในฐานะประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ แสดงออกอย่างชัดเจนว่าตนต้องการซ่อมแซมความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองชาติ ในขณะที่คิชิดะแสดงการตอบรับจากทางประธานาธิบดีเกาหลีใต้เป็นอย่างดี
ที่มา: