นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยนายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง, นายณพพงศ์ ธีระวร กรรมการบริหารพรรค, นายอนุมัติ อาหมัด อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.), และนายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส ปราศรัยใหญ่จังหวัดนราธิวาส ที่สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส โดยมีประชาชนจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มาร่วมฟังกว่า 25,000 คน และต้อนรับแกนนำพรรค
นายอนุมัติ กล่าวว่า ตนไม่เคยเห็นพี่น้องสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปฟังปราศรัยที่ไหนเยอะมาก่อน และหลังจากนี้คงไม่มีพรรคการเมืองไหนกล้ามาปราศรัยที่นี่อีก เพราะพี่น้องพกหัวใจมามอบให้ลุงตู่ของเรา ตนเคยเป็น ส.ว. จังหวัดสงขลา และเป็นสมาชิก สนช. มาเกือบ 5 ปี และได้ทำงานร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ ตนเจอนักการเมืองมาเยอะ คนที่พูดเพราะๆ แต่เวลาทำงานจริงไม่เหมือนอย่างที่พูด แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เห็นดุๆ ในทีวีไม่เหมือนตัวจริง เพราะท่านไม่ได้ดุประชาชน แต่ดุนักข่าว
ตนได้ทำงานออกกฎหมายหลายฉบับ ตนได้แก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องมุสลิมให้ได้ เช่น พ.ร.บ.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย, พ.ร.บ.ฮัจญ์ และพ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย และที่ตนลาออกเพราะตนต้องการจะมาทำความเข้าใจและบอกกับพี่น้องประเทศไทยให้เลือกลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ เพราะท่านได้ทำตามทุกสัญญากับตนได้แก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และวันนี้ที่ทุกคนมาปราศรัยที่นี่เพื่อแสดงความจริงใจแต่พี่น้องทุกคนที่นี่
นายอุตตม กล่าวว่า ในช่วงการหาเลียงเลือกตั้งตนไปมาหลายเวที แต่ไม่เคยเห็นเวทีที่มีคนมาฟังปราศรัยมาขนาดนี้ ขอกราบขอบพระคุณประชาชนที่มาร่วมฟังปราศรัย นอกจากนี้ยังกล่าวว่าพลังประชารัฐเป็นพรรคน้องใหม่อายุ 5 เดือน ภาคใต้ตนได้ยินมาตั้งแต่วันแรกๆ ว่าพรรคจะไม่มีทางได้รับความไว้วางใจ แต่วันนี้พี่น้องได้แสดงให้พวกตนเห็นแล้วว่าได้รับใจและความกรุณาจากพี่น้องประชาชน พรรคพลังประชารัฐเกิดได้เพราะทุกคนในที่นี้มานั่งคิดกันว่าวันนี้เป็นห้วงเวลาที่สำคัญที่สุด เพราะกำลังจะเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งไม่กี่วันนี้ และจะเป็นการกำหนดชะตาชีวิตของประเทศไทย และกำหนดอนาคตของทุกคน หลายปีที่ผ่านมาประเทศชะงักงัน เกิดจากความขัดแย้งในการแย่งชิงอำนาจทางการเมือง แต่เอาประชาชนมาเป็นตัวประกัน และต้องเสียเลือดเนื้อ พรรค พปชร. จึงเสนอตัวเป็นทางเลือกให้ประชาชนชาวไทยก้าวข้ามความขัดแย้งและไม่กลับไปสู่วังวนเก่าๆ การเมืองต้องไม่เหนือกว่าประชาชน ต้องเป็นประชาธิปไตยของคนไทยและเพื่อคนไทยเท่านั้น
วันนี้ ประเทศไทยถึงเวลาเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เศรษฐกิจ-ปากท้อง เป็นเรื่องสำคัญ คนไทยจะรวยด้วยพลังประชารัฐ คือ รวยด้วยความสงบ รวยด้วยความสุข และรวยด้วยความหวัง เช่น 4-5 ปีที่ผ่านมาบ้านเมืองเข้าสู่ความสงบ ประชาชนเริ่มคิดถึงการทำมาหากิน แต่ถ้าเป็นก่อนหน้านี้บ้านเมืองอยู่ในความขัดแย้ง ต่างประเทศไม่อยากค้าขายกับไทยเพราะการเมืองไม่สงบ แต่ที่ตนทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมที่ผ่านมา ต่างประเทศดีใจที่ประเทศไทยเข้าสู่ความสงบและอยากคบค้าด้วย และตอนนี้ต่างประเทศก็กำลังจับตาอยู่ว่าคนไทยจะเลือกตั้งออกมาเป็นอย่างไร ถ้าเลือกออกมาได้แบบเดิมต่างประเทศก็ไม่คบค้าด้วย
ทุกวันนี้ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศร่ำรวย คนไทยยังอยู่ในความยากจน แต่วันนี้พรรคพลังประชารัฐเป็นว่าต้องเริ่มจากความสงบ พรรค พปชร. จะพาคนไทยก้าวข้ามความขัดแย้ง และเมื่อมีความสุขแล้วจะต้องมีความสุขที่ยั่งยืน ปัญหาใหญ่ที่สั่งสมมาคือความเหลื่อมล้ำ ทั้งโอกาสในการทำมาหากิน สาธารณสุข และการเข้าถึงการศึกษา ดังนั้นพรรคจะต้องสร้างความสุขแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ เป็นที่มาของบัตรสวัสดิการประชารัฐ
นายอุตตมถามว่า ใครที่มีบัตรประชารัฐบ้าง? มีแล้วอยากได้อีกไหม? หรือใครยังไม่มีบ้าง? ตนสัญญาว่า ถ้าได้เข้าไปทำงานเป็นรัฐบาลจะเพิ่มคน เพิ่มสิทธิ์ และเพิ่มสวัสดิการให้ครอบคลุมมากขึ้น ใครที่โจมตีบัตรประชารัฐ ไม่ใช่ข้อเท็จจริง และเป็นการดูถูกประชาชน เพราะเป็นการช่วยประชาชนให้เข้าถึงสิทธิ์ที่ไม่เคยได้รับ นอกจากนี้ยังช่วยเหลือเศรษฐกิจรอบๆ ตัว เพราะเมื่อได้บัตรแล้วก็นำไปใช้จ่ายเกื้อกูลร้านค้าชุมชนและโชห่วย นอกจากนี้พรรคยังมีนโยบายสร้างคน เพื่อให้คนไปสร้างชาติ โดยเริ่มตั้งแต่ต้นทางคือ ‘นโยบายมารดาประชารัฐ’ ซึ่งเป็นการลงทุนมที่คุ้มค่าที่สุด ดูแลบุตรในครรภ์ตั้งแต่มารดาตั้งครรภ์ 3,000 บาทต่อเดือน และตอนคลอดดูแล 10,000 บาทต่อเดือน และดูแลต่อจนถึง 6 ขวบ เดือนละ 2,000 บาท รวม 180,000 บาทต่ออนาคตคนไทย 1 คน และจะดูแลบุตรทุกคนไม่จำกัด และจะดูแลต่อโดยการปฏิรูปการศึกษา เพิ่มทักษะเทคโนโลยีและการคำนวณ พร้อมทั้งสร้างระบบการศึกษาใหม่เน้นให้มีทักษะในเชิงปฏิบัติเอาไปหากิน ไม่ใช่เรียนไปแล้วไม่มีงานทำ
ส่วนนโยบายดูแลผู้สูงวัย ปรับเบี้ยเป็น 8,000 บาท สร้างโรงเรียนผู้สูงวัยประชารัฐให้ผู้สูงวัยเข้ามาพบปะกันเพื่อไม่ให้รู้สึกเหงา หรือถูกทอดทิ้ง โดยจะมีเจ้าหน้าที่ดูแลให้ความรู้ใหม่ๆ และผู้สูงวัยจะเป็นบุคคลากรที่มีคุณภาพไม่ช่ภาระของสังคม และสุดท้ายคือ รวยความหวัง ได้แก่ เศรษฐกิจประชารัฐ ที่จากเดิมประชาชนต้องเจอกับความเสี่ยงในการผลิตพืชผลการเกษตร การหาตลาด และต้นทุน พรรคจึงเน้นให้เกษตรเป็นเกษตรยั่งยืน ดูแลการเพาะปลูก เก็บเกี่ยว แปรรูป และดูแลการตลาด ยางพารามีราคาเป้าหมาย 65 บาท ส่วนการท่องเที่ยวในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะสอดรับไปกับการเกษตร เป็นการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนสอดรับวิถีชีวิต ต้องมีการคมนาคมที่ต่อยอด และการประมง รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แก้ไขการประมงเพราะจำเป็นต้องทำเพื่อให้ค้าขายกับต่างประเทศ ทำได้เพราะพี่น้องให้ความเข้าใจความร่วมมือ
สุดท้าย นายอุตตม ย้ำว่า นโยบายของพรรคพลังประชารัฐจะทำทันทีหากได้รับตความไว้ใจ และจะทำได้จริง หากพี่น้องอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงและอยากเห็นโอกาสที่ควรจะเกิดเสียที ขอให้ประชาชนเลือกผู้แทนของพรรค และขอโอกาสให้พรรคได้เข้าไปทำงานเสียที
นอกจากนี้ ผู้นำที่เหมาะสมที่สุดที่จะพาคนไทยก้าวข้ามความขัดแย้งคือ ‘ลุงตู่’ แม้จะไม่ได้มาเอง แต่คิดถึงเราเสมอและส่งใจมา หลังจากนั้นเป็นการเผยแพร่คลิปวีดิโอของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิแดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคพลังประชารัฐ ผ่านจอขนาดใหญ่บนเวที โดยมีเนื้อหาว่า ดีใจที่ได้มีโอกาสมาพูดคุยกับพี่น้องประชาชนในวันนี้ ก่อนอื่นอยากจะบอกว่า คิดถึง คิดถึงมากด้วยทุกคน อยากจะมาพบป่ะพูดคุยด้วยตัวเอง ถึงแม้จะมาไม่ได้แต่เราก็ยังสามารถสื่อสารกันได้ ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพราะหากสื่อสารเข้าใจกันแล้วเราก็จะเดินหน้าไปด้วยกันด้วยความความเข้าใจ ผมขอขอบคุณ พรรคพลังประชารัฐที่ให้เกียรติ ให้ความไว้วางใจ เสนอชื่อผมเป็นนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 24 มีนาคมนี้
"ผมขอให้คำมั่น และขอให้เชื่อมั่นในตัวผม ว่าจะไม่ทำให้พี่น้องประชาชนผิดหวัง ผมจะทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด ในการสานต่อนโยบายดีๆและแผนการปฏิรูปที่เริ่มทำไปแล้วทั้ง 11 ด้านตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมา และจะจัดทำนโยบายใหม่ๆ เพื่อนำพาประเทศชาติไปสู่ความสงบสุข ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นยิ่งๆขึ้นไปทุกภาคส่วน สิ่งสำคัญเร่งด่วนที่ผมต้องทำให้เสร็จจากที่ได้เริ่มไว้แล้ว และทำต่อไปอีก ก็คือการแก้ไขปัญหาที่หลงเหลืออยู่ ตลอดจนวางอนาคตให้มั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืนต่อไป เช่น สิ่งแรกที่เราจะนำกลับคืนมาคือความรักความสามัคคี ความปรองดองกลับคืนสู่สังคมไทยประเทศไทย ทั้งนี้เพื่อจะนำพาบ้านเมืองของเราเดินไปข้างหน้า อย่างไม่หยุดยั้ง ที่จะรองรับกับภัยคุกคามทางรูปแบบใหม่และรูปแบบเก่า ความทุกข์ของพี่น้อง ที่เป็นฐานรากของประเทศ ก็เป็นความทุกข์ใจของผมเช่นเดียวกัน ผมจึงมายืนอยู่ที่นี้
เราต้องมีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว พักท่องเที่ยวเมืองหลักเมืองรองและท่องเที่ยวชุมชน โฮมสเตย์ ท่องเที่ยวทางน้ำทางบกและจะต้องมีการเชื่อมโยงให้เป็น Package ไปด้วยกัน ให้คนได้มีโอกาสท่องเที่ยวหลายๆอย่างหลายๆพื้นที่ ในทริปเดียวกัน ซึ่งเราต้องช่วยกันทั้งผู้ประกอบการ รัฐบาลข้าราชการ ทั้งส่วนกลางส่วนท้องถิ่นและส่วนภูมิภาค
นอกจากนี้เรามี 10 เขตเศรษฐกิจพิเศษอยู่แล้ว ตามชายแดนหลายจังหวัดอยู่แล้ว เราจะได้เชื่อมโยงสิ่งเหล่านี้เข้ากับ EEC วันนี้ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีแล้วสำหรับ EEC เชื่อมโยงจากสงขลาไป ที่เรียกว่า EEC สามเหลี่ยมมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืน วันข้างหน้า ก็ต้องมี WEC, NEC, มีทุกภาค เพราะเราเป็นประเทศที่อยู่ตรงกลางอาเซียน ต้องลดความรุนแรงในสังคมในพื้นที่สามจังหวัดชาสยแดนภาคใต้ ให้ลดลงสงบสุข สันติสุขให้ได้โดยใช้มาตรการทุกมาตรการ เราไม่ได้มุ่งเน้นการใช้อำนาจทางการทหารอย่างเดียว เพราะถ้าเราใช้มาตรการทางการทหารเหตุการณ์จะลุกลามบานปลาย จึงต้องมีทั้งในเรื่องของการพูดคุย เรื่องการพัฒนา ซึ่งเราเน้นการเรื่องการพัฒนามากที่สุด
ดังนั้น สิ่งที่จะทำให้เกิดการพัฒนามากที่สุด คือการสร้างความปลอดภัยให้ได้ คนในพื้นที่ต้องดูแล ไม่งั้นนักลงทุนจะไม่กล้าไป วันนี้ ผมเห็นมีนักลุงทุนมากมาย ซึ่งผมก็เห็นตอนนี้ยังมีนักลงทุนมากมายที่ลงมาในขณะนี้ ปัญหายาเสพติดที่กำลังแพร่หลายในขณะนี้ผมก็พยายามทำอย่างเต็มที่ สถิติการจับกุมในคดีมากมาย มากกว่าที่ผ่านมาเยอะแยะ กรุณาติดตามด้วย แต่ยังไงก็ยังไม่หมด ตราบใดที่ยังมีผู้เสพอยู่ และเราต้องลดปริมาณให้ได้ ในเรื่องของการจับกุมดำเนินคดีถือเป็นขั้นตอนที่สอง
สิ่งแรกคือการป้องกันและป้องปราม อันที่สองคือปราบปราม และอันที่สามคือฟื้นฟู ผู้เสพคือผู้ป่วยต้องได้รับโอกาส ผ่านการฝึกอาชีพ เพื่อจะคืนสู่สังคมประกอบสัมมาอาชีพ หันหลังให้กับยาบ้า ยานรก ชุมชนต้องเข้มแข็ง ร่วมกันต่อต่านยาเสพติด สังคมต้องช่วยกันสอดส่อง วันนี้เรามีความร่วมมือจากเพื่อนบ้านมากมาย ป้องกันการลักลอบนำเข้ายาเสพติด สารตั้งต้น
ด้านแนวชายแดน คนไทยจะต้องปลอดภัย คนใกล้ชิดในบ้านจะต้องห่างไกลยาเสพติด ทุกๆเรื่องทุกมาตรการ เราจำเป็นต้องดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน ต่อเนื่องมีนโยบาย มียุทธศาสตร์ มีแผนงาน มีงบประมาณ รองรับ ถ้าเราได้ทำต่อร่วมกัน ทุกอย่างก็จะสมบูรณ์ใช่ไหมครับ ทุกอย่างกำลังผลิดอกออกผล เหมือนเราปลูกต้นไม้มาแล้ว ปลูกไม้ผลมาแล้ว
หลังเจริญเติบโตมาห้าปี ผมมั่นใจนะครับ หากทุกท่านให้โอกาสผม มอบความไว้วางใจให้กับผมเหมือนที่ผ่านมา หรืออาจจะมากกว่านั้น ร่วมกันปลูกฝังอุดมการณ์ ความรักชาติรักประชาชน ยึดมั่นในสถาบันหลักของประเทศ จะส่งเสริมผลักดัน สร้างพลังแรงศรัทธา ให้ผมและพรรคพลังประชารัฐ ตลอดจนพี่น้องประชาชนทุกคนได้ร่วมมือร่วมแรงเป็นกำลังใจให้กัน สร้างสรรค์สิ่งที่ถูกกำจัดสิ่งที่ผิด ด้วยความเข้าใจและร่วมกันนำพาชาติบ้านเมือง ไปสู่ความเจริญ ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า มีความรักใคร่ มีความสามัคคีปรองดอง มีความสุขทุกคนถ้วนหน้า อย่างมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืน "ตือรีมอกาเสะ ยาแงลูปอ ปีเละกีตอ" (ขอบคุณ อย่าลืมเรา)
นอกจากนี้ นายอุตตม ยังกล่าวปิดท้ายว่า พรรคอื่นกล่าวหาจะว่าจะสืบทอดอำนาจรัฐประหารของลุงตู่ แต่เรายอมรับว่าจะสืบทอดแน่นอน แต่สืบทอดผลประโยชน์ให้ประชาชนโดยมีลุงตู่เป็นผู้นำ
นายอนุชา กล่าวว่า บ้านตนอยู่ชัยนาททำไร่ทำนาเป็นส่วนใหญ่ ตนเชื่อว่าประชาชนต้องการเดินไปข้างหน้า เราเป็นคนไทยที่รักกันเป็นหนึ่งเดียว อยากเห็นลูกหลานของเรามีความสุข ตนเคยเป็น ส.ส. เคยอยู่พรรคไทยรักไทย เลือกที่ไรก็ได้เป็น ส.ส. อีก เลือกตั้งง่ายมากๆ แทบไม่ต้องทำอะไร แต่ต่อมาถูกตัดสิทธิ์ 5 ปีเพราะถูกยุบพรรค ตนต้องให้เมียลงแทน คือ พรทิวา นาคาศัย อยู่พรรคเล็ก เพราะตนเห็นว่าอนาคตลูกหลานไทยต้องเข่นฆ่ากันเอง วันนี้ตนและคนอื่นๆ ที่ต้อวงการความสงบสุขจึงมารวมตัวกันกับลุงตู่
รัฐบาลชุดนี้ต้องอยู่บนซากปรักหักพังมาตลอดเพราะกว่าจะขายข้าวได้ ข้าวก็เน่าบูดจากโครงการจำนำข้าว กว่าจะใช้หนี้หมดแล้วก็เอามาช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ตนและพรรคพลังประชารัฐจึงคิดว่าต้องทำให้ประชาชนร่ำรวย เงินบาทแรกของเมืองไทยอยู่ในมือพี่น้องเกษตรกร ถ้าเกษตรกรขายผลผลิตไม่ได้ ใครจะมาซื้อของในตลาด เราอยู่กันมากี่รัฐบาลแล้ว แต่ทำไมยังมีคนลำบากตกทุกข์ได้อยากอยู่ในเมืองไทย รัฐบาลที่ผ่านมาลืมอะไรไปหรือเปล่า ลืมว่าประชาชนเป็นมนุษย์ที่ต้องการความสุข ดังนั้น รัฐบาลจะเติมเงินบาทแรกให้กับเกษตรกร ประมงและธุรกิจพื้นบ้าน ตนปฏิญาณไว้ว่า 4 ปีต่อไปนี้
หากพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาลแล้วช่วยพี่น้องประชาชนให้ลืมตาอ้าปากไม่ได้ ตนจะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต เพราะถ้าเป็นนักการเมืองแล้วลูกหลานไทยยังตกระกำลำบาก ตนจะเป็นนักการเมืองไปทำไม เรนาต้องสืบสานอุดมการณ์ให้ลูกหลานหลุดพ้นจากกับดักของความยากจน พรรคพลังปรารัฐสัญญากับพี่น้องสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าจะร่วมอุดมการณ์สร้างความเจริญให้กับปรนะเทศชาติให้ได้
นายณพพงศ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนไม่เคยชอบการเลือกตั้งและการเมือง แต่ต่อมาได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานหอการค้าจังหวัดยะลา และได้รับเลือกให้เป็นประธานผู้ประกอบการ SME และได้เป็นปัญหาของประเทศ ตนต้องการจะนำความรู้ความสามารถที่ได้ทำงานและเรียนมาร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ และนายอุตตม สาวนายน มาพัฒนาประเทศ และทีมงานกว่า 120 ที่ไปเรียนมาจากต่างประเทศ และพล.อ.ประยุทธ์ ก็พร้อมที่จะทำงานเพื่อประเทศ โดยพรรคพลังประชารัฐเน้น 2 เรื่องคือ การก้าวข้ามความขัดแย้ง และปัญหาปากท้อง แ ละเพื่อให้การแก้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเอกภาพต้องการกาพรรคพลังประชารัฐยกทีม
นอกจากนี้ มีแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส. 11 เขตในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดนราธิวาส นายวัชระ ยาวอหะซัน เขต 1 (อำเภอเมืองและตากใบ) หมายเลข 5, นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ เขต 2 (อำเภอสุไหงปาดี, สุไหงโกลก, และแว้ง) หมายเลข 2, นางตัสนีม เจ๊ะตู เขต 3 (อำเภอสุคิริน, จะแนะ, ระแงะ, และเจาะไอร้อง) หมายเลข 35, นายสุรียา ยีลูมา เขต 4 (อำเภอศรีสาคร, รือเสาะ, ยี่งอ, และปาเจาะ) หมายเลข 2
จังหวัดปัตตานี นายมูฮำมัดปาเรซ โลหะสัณห์ เขต 1 (อำเภอเมืองและยะหริ่ง) หมายเลข 9, นายอัศมี หยีดาโอะ เขต 2 (อำเภอหนองจิก, โคกโพธิ์, และแม่ลาน) หมายเลข 8, นายนัซรูดดีน ฮัจยีดาโอะ เขต 3 (อำเภอกะพ้อ, สายบุรี, ปะนาเระ, และอำเภอยะหริ่ง) หมายเลข 10, นายอันวาร์ สะมาแอ เขต 4 (อำเภอมายอ, ทุ่งยางแดง, และยะรัง) หมายเลข 4
จังหวัดยะลา นายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ เขต 1 (อำเภอเมืองและยะหา) หมายเลข 4, นายฮัสซัน ดาตู เขต 2 (อำเภอกาบังและรามัน) หมายเลข 1, และนายหวังหะมะ บือนา เขต 3 (อำเภอกรงปินัง, บันนังสตา, ธารโต, และเบตง) หมายเลข 3