นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า นโยบายข้าวคือหัวใจสำคัญของนโยบายเกษตรยั่งยืน เพื่อให้ฐานเกษตรกรรมเข้มแข็ง พรรคเน้นให้ชาวนาสามารถอยู่ได้ด้วยตนเอง และรัฐบาลต้องมีนโยบายช่วยเหลือชาวนาขณะกำลังปรับตัว เชื่อว่านโยบายเหล่านี้จะทำได้ทันนี้ เช่น ค่าเก็บเกี่ยวจาก 1,500 บาทต่อไร่เป็น 2,000 บาทต่อไร่ เพราะมีการทำนโยบายนี้อยู่แล้ว ซึ่งนโยบายเหล่านี้เป็นการช่วยเหลือตรง ไม่ผ่านคนกลาง และยั่งยืน ไม่เป็นภาระงบประมาณและภาระของประเทศ พร้อมยืนยันว่าไม่ขายฝันให้กับประชาชน
นายอุตตมกล่าวต่ออีกว่า พรรคไม่มีพลังวิเศษ และทุกวันนี้อยู่ในสายตาประชาชน ถ้าทำอะไรไม่ถูกต้องวประชาชนก็จะบอกเองว่าไม่ใช่ ยืนยันไม่มีแต้มต่อ
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค กล่าวเสริมว่านโยบายที่พรรคทำคือสิ่งที่ทำแล้ว และฟังชาวนาเพื่อเอามาเดินหน้าต่อ พรรคไม่ต้องการแทรกแซงตลาด แต่ใช้การพัฒนาระบบ เช่น ค่าเก็บ การพัฒนาคุณภาพข้าว ฯลฯ จึงเชื่อว่าทำได้จริง
ส่วนกรณีที่หลายคนมองว่าพรรคพลังประชารัฐไม่เป็นประชาธิปไตย ตนมองว่าเป็นเพียงวาทกรรมทางการเมือง เพราะพรรคทำตามกฎหมายและตามรัฐธรรมนูญเหมือนพรรคอื่นทุกประการ แต่เป็นเพียงความพยายามในการจะแยกเท่านั้น ไม่มีการใช้กลไกของรัฐในการแทรกแซงหรือกลั่นแกล้งพรรคอื่น เพราะพรรคเองก็ยังถูกฟ้องยุบพรรคเช่นกัน
ขณะที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ยืนยันว่าการหาเสียงที่ผ่านมามีการตอบรับจากประชาชนที่ดีและจะได้คะแนนเสียงจริงหลังจากที่พบปะประชาชน อีกทั้งนโยบายของพรรคที่ทำได้จริงและทำต่อเนื่องจากนโยบายที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันจะทำให้ถูกในประชาชน
ส่วนการขุดข้อมูลมาโจมตีหน่วยงานราชการ นายสมศักดิ์ มองว่าเกิดจากที่พรรคอื่นๆ ไม่สามารถสู้กันทางนโยบายกับพรรคพลังประชารัฐได้ จึงต้องสร้างวาทกรรมหรือวิวาทะ มาถูกเถียง โจมตี และเอาคะแนน เช่น ตรงนั้นตุง ตรงนี้ตุง หรือการตัดงบในรัฐสภา หากใครหลงกลไปโต้เถียงพวกเขาก็จะประสบความสำเร็จ แต่ทั้งนี้ตนไม่เชื่อว่าการโต้แย้งเหล่านี้จะไม่ส่งผลทำให้ไม่มีการเลือกตั้ง
นอกจากนี้ พรรคยังอยู่ในขั้นตอนการพูดคุยกับ กกต. เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มามีบทบาทในการหาเสียงเต็มตัว แต่ทั้งนี้แล้วแต่ กกต. จะอนุญาต แต่อย่างไรก็ตามพรรคเชื่อมั่นในนโยบายและตัวตนของ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่แล้ว และหลังจากนี้จะมีการหารือกับ พล.อ. ประยุทธ์ เพิ่มเติมว่าจะทำอะไรได้บ้างในอนาคต
ด้าน นายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์ภาคกลางและผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 จังหวัดชัยนาท กล่าวว่า ประชาชนในพื้นที่เบื่อการเมืองแบบเก่าที่มีการโจมตีใส่กัน แต่ต้องการหาพรรคการเมืองที่ยกคุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้นได้ มั่นใจว่าจังหวัดชัยนาทจะได้ ส.ส. ยกจังหวัด ไม่กังวลว่าใครจะกล่าวหาว่าพรรคได้รับการสนับสนุนจาก อบจ. หรือการปกครองส่วนท้องถิ่น แต่การปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับการสนับสนุนจากตนมากกว่า