ไม่พบผลการค้นหา
‘ประยุทธ์’ ปราศรัยใหญ่ พปชร. ปลุกคนไทยรักชาติ-ศาสน์-กษัตริย์ ต้องรักษาบ้านเมืองให้สงบเพราะใกล้ถึงพระราชพิธี ย้ำยอมตายเพื่อแผ่นดิน - เสียงตะโกน "ลุงตู่สู้ๆ" ลั่นสนามเทพหัสดิน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคพลังประชารัฐ ปรากฎตัวช่วงสุดท้ายของการปราศรัยใหญ่ พร้อมขึ้นเวทีพรรคพลังประชารัฐครั้งสุดท้าย ที่สนามเทพหัสดิน สนามกีฬาแห่งชาติ โดยเดินออกมาจากประตูฝั่งตรงข้ามเวที ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสีดำ ไม่ใส่สูท ชูมือเป็นเครื่องหมายเลิฟ และจับมือทักทายกับประชาชนตลอดทางที่เดินขึ้นเวที โดยไม่ใช้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เป็นทีมงานนายกรัฐมนตรี 

ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินขึ้นเวทีมีการเปิดวีดิโอภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่เด็ก รับราชการทหาร ลงพื้นที่ตรวจราชการ จนถึงปัจจุบัน ประกอบเพลง ‘หยุดตรงนี้ที่เธอ’ และเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเวทีกลางสนามก็จับไมค์ร้องเพลง ‘หยุดตรงนี้ที่เธอ’ และกล่าวกับประชาชนว่า สวัสดีพ่อแม่พี่น้องทั้งที่มาและอยู่ที่บ้านทั่วประเทศไทย ฝากไปถึงพี่น้องประชาชนทั้ง 77 จังหวัดว่าตนจะนำพาทุกคนไปข้างหน้าให้มีชีวิตที่ดีกว่าเดิม 


ประยุทธ์-ปราศรัย-พลังประชารัฐ-สนามเทพหัสดิน-เลือกตั้ง2562ประยุทธ์-ปราศรัย-พลังประชารัฐ-สนามเทพหัสดิน-เลือกตั้ง2562

ตนมาวันนี้มาขอบคุณในความร่วมมือที่มีให้มา 5 ปี ตนรู้ว่าทุกคนเหนื่อยและตนก็เหนื่อย แต่เหนื่อยและท้อไม่ได้ ไม่เช่นนั้นทุกคนยิ่งกว่า ดังนั้นตนจะทำต่อไปให้ดีที่สุด วันที่ 24 มีนาคมนี้รวมพลังไปให้ได้ทุกคนเห็นรูปแล้ว ตนเป็นทหารมา แต่ตอนนี้เป็นประชาชน ตนมีหน้าที่ที่ต้องทำให้ดีที่สุด นโยบายที่ออกมาทั้งหมดดีทุกอัน แต่ต้องหาคนนำและทำให้ได้ 

ยืนยันว่าจะทำอย่างเต็มที่ให้พี่น้องคนไทยทุกคน ทั้งเด็ก คนแก่ ที่กำลังจะเกิด และที่จะจบรับปริญญาตอนอายุ 20 ปี เราต้องวางอนาคตไว้ข้างหน้าแบบนี้เป็นขั้นเป็นตอน จะให้ไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้ ไม่เหมาะสม ตนมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นพี่น้องประชาชนในทุกจังหวัด ตนไปมากว่า 60 จังหวัดในการทำงาน มีทั้งคนรักและคนไม่รัก แต่ตนเชื่อว่าในที่นี้รักตนทุกคน จะมากจะน้อยสิ่งเหล่านี้เป็นกำลังใจให้ตนให้ทุกคนทำงานต่อไป ต้องเติมใจให้กันและจับมือกันให้เข้มแข็ง เดินหน้าไปด้วยกัน ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งทำได้ แต่ถ้าจับมือกัน 68 ล้านคนทำได้ทุกอย่าง อะไรที่เป็นอุปสรรค์ต้องช่วยกันแผ้วถางให้โล่งไป ตนถางมาพอสมควรแล้ว ทำให้บ้านเมืองสงบสุขเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ท่านไปโน่นนี่ได้เพราะบ้านเมืองสงบสุข 


ประยุทธ์-ปราศรัย-พลังประชารัฐ-สนามเทพหัสดิน-เลือกตั้ง2562

เราจะต้องเอาความรักความสามัคคีกลับคืนมา ความรัก รักตัวเอง รักพ่อแม่ รักครอบครัว รักชาติ รักศาสนา รักพระมหากษัตริย์ พร้อมบอกว่าใครที่เห็นด้วยให้ลุกขึ้น ก้าวเดินไปพร้อมผม พยุงกันไปลากกันไปเข็นกันไปก็ต้องทำ เพราะว่าเรามีศักยภาพมากมาย ประเทศไทยมีโอกาส แต่มีวิกฤตมาเสนอ เราต้องช่วยกันไม่ให้มีวิกฤติขึ้นมาอีก 

“ขอบคุณทุกคน ขอบคุณในกำลังใจ ขอบคุณในความรักที่ให้ผมมา ผมจะตอบสนองท่านไม่น้อยไปกว่าที่ทุกท่านให้ผม ผมให้ทั้งชีวิตและจิตใจ ผมจะยอมตายเพื่อแผ่นดินผืนนี้ แผ่นดินที่ให้ผมเกิด ให้ผมกินอยู่ ให้ผมหลับนอน ให้ผมมีอาชีพ ผมต้องรักษาแผ่นดินผืนนี้ไว้ให้กับลูกหลานขชองเราในอนาคตใช่หรือไม่ ใครจะไปกลับผมไหม ยืนขึ้น ประเทศไทยจะไม่ล้มอีกต่อไป จะไม่นั่งรอใครอีกต่อไป เราจะเดินไปข้างหน้า เราจะยืนขึ้น จับมือกันไป จับมือกันเดินพร้อมไปข้างหน้า ขอบคุณอีกครั้ง ขอบคุณกำลังใจทุกกำลังใจและผมหวังว่ากำลังใจเหล่านี้จะอยู่กับผมอีกนานเท่านาน เราจะมาร่วมกันทำใประวัติศาสตร์ให้กับประเทศไทยได้สิ่งที่ดีกว่าในวันข้างหน้า วันนี้ทำเพื่อเป็นประวัติศาสตร์ที่ดีในวันหน้า อดีตที่ผ่านมาประวัติศาสตร์ที่ไม่ดีจำไว้เป็นบทเรียน อย่าให้ใครบอกว่ามีวันนั้นไม่จำวันนี้ แล้วก็ทำวันนี้ไม่ทำ ไปทำวันหน้า มันไม่มีอนาคตทั้งสิ้น” 

นอกจากนี้ ยังกล่าวอีกว่า วันนี้ตนอดไม่ได้พอเปิดไปในเฟซบุ๊กเห็นฟังกันเพลินก็อดไม่ได้ ทุกวันนี้พี่น้องกำลังเสียขวัญ แต่อย่าเสียขวัญ ขวัญอยู่กับตัวจะกลัวอะไร ขวัญอยู่ที่หัวศรีษะ และขวัญอยู่ที่ใจ หัวใจอันยิ่งใหญ่ หัวใจแห่งความรักสามัคคี ทำบ้านเมืองเราให้สงบปลอดภัย จะมีพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ ใครทรยศมิได้โดยเด็ดขาด เราจะต่อสู้เพื่อรักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ขอบคุณทุกกำลังใจ

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางกลับ พร้อมกับเพลง ‘จับมือกันไว้’ และพิธีกรกับประชาชนตะโกนว่า “ลุงตู่สู้ๆ” รวม พล.อ.ประยุทธ์ใช้เวลาปราศรัยครั้งแรกในชีวิต 15 นาทีตั้งแต่เดินเข้าสนาม

โดยเวทีปราศรัยจัดขึ้นตั้งแต่เวลา 18.00 น. ในธีมงาน ‘รวมประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียว’ ประกอบด้วยแกนนำพรรค ได้แก่ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ นายณัฐพล ทีปสุวรรณ และนายอิทธิพล คุณปลื้ม รองหัวหน้าพรรค, นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค, นายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ประธานยุทธศาสตร์กรุงเทพมหานครฯ ที่มีนางนุสบา ปุณณกันต์และลูกชายมาให้กำลังใจ พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานคร 30 เขต และผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ขึ้นแสดงตัวบนเวที มีประชาชนมาร่วมฟังราว 7,000 คน ในงานมีการตะโกนรับส่งจากพิธีกรว่า “พลังประชารัฐ-รัฐบาล” และ “กรุงเทพฯ-สู้ๆ” 


พลังประชารัฐ-ปราศรัย-สนามเทพหัสดิน-เลือกตั้ง2562


โดยในเวลา 18.30 น. มีการเปิดวีดิโอการปราศรัยทั่วประเทศพร้อมนโยบายพรรค จากนั้นแกนนำจึงขึ้นปราศรัย เริ่มต้นจากนายสนธิรัตน์ ที่ขึ้นมาแนะนำแกนนำพรรค และกล่าวว่าทุกเวทีที่ประชันกันของพรรคใหญ่ทุกพรรค พลังประชารัฐมามืดฟ้ามัวดิน 

ด้านนายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ตั้งแต่ 23 มกราคมที่ผ่านมา มี พ.ร.ฎ. เลือกตั้งประกาศใช้ แกนนำพรรคพลังประชารัฐก็เริ่มออกเดินหาเสียงทุกบ้านทุกซอย และตนย้ำให้ผู้สมัครทุกคนตั้งใจกว่าพรรคอื่นอีกหลายเท่า เพราะมีหลายคนมาปรามาสว่าพรรคนี้เป็นพรรคใหม่ แต่ตอนนี้ก็ได้ทำให้หลายคนหมดความสงสัยแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาพรรคการเมืองไม่กี่พรรคผลัดกันเป็นผู็ว่า กทม. เป็นเวลากว่า 10 ปีมีรถไฟฟ้าแค่ 2 เส้น แต่ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาทำงานแค่ 4 ปีกว่ามีรถไฟฟ้าแล้วอีก 7 เส้นกำลังก่อสร้าง ขอให้พี่น้องอย่าไปสนใจพรรคการเมืองบางพรรคที่พูดสะใจพูดเล่นสนุกกันในโซเชียล แต่ตนมองว่าชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ ในหลายประเทศเลือกพรรคการเมืองตามกัน หรือเลือกตามพรรคที่พูดเอาสนุก 


ทุกวันนี้ใกล้เลือกตั้งแล้วยังเผาบ้านเผาเมืองกันอยู่ พี่น้องต้องการแบบนั้นเหรอ? นายพุทธิพงษ์ถาม นอกจากนี้นายพุทธิพงษ์ยังกล่าวว่าเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว กรุงเทพมหานครมีควันไฟที่สุมขึ้นมา และไม่ปลอดภัย มีจราจลทั้งกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นภาพที่ไม่เคยลืมเลือนและไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามามีเผาบ้านเผาเมืองอีกไหม? 

นายพุทธิพงษ์ถามย้ำ พร้อมกล่าวว่าพรรคต้องการให้คนกรุงเทพฯ ปลอดภัยและคนต่างจังหวัดมีความสุข แต่หลังจากที่ขึ้นป้ายหาเสียงว่า “เลือกความสงบ จบที่ลุงตู่” มีหลายคนถามว่าจริงไหม ตนเห็นว่า 20 ปีที่ผ่านมา 2 พรรคการเมืองผลัดกันเป็นรัฐบาลมีแต่ความไม่สงบ และที่หลายคนบอกว่าพรรคได้เปรียบ แต่นายพุทธิพงษ์เห็นว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคตนไม่สามารถขึ้นเวทีดีเบตได้ และพรรคอื่นๆ ก็รุมหัวหน้าพรรคการเมืองของตนอย่างเดียว หลายคนใช้วาทกรรมว่าพลังประชารัฐเอาเปรียบบ้างสืบทอดอำนาจบ้าง แต่ตนยืนยันว่าพรรคเล่นตามกติกา ในทางกลับกันพรรคอื่นต่างหากที่กลัวว่าจะแพ้พลังประชารัฐ 

อย่างไรก็ตาม ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคที่คัดเลือกมาแล้ว ไม่มีความคิดที่จะยกเลิกไหว้ครู ยกเลิกหมอบกราบ และไม่คิดว่าเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเพียงวาทกรรม รวมทั้งรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และกล่าวว่าอีกว่า “ใครก็ตามที่ทำร้ายประเทศไทยคุณเจอกับผมทุกที่ทุกเวลา...ผมขอเพียงอย่างเดียวทำเพื่อประเทศชาติอันเป็นที่รักของเราได้ไหม” และวันนี้ที่ไทยญี่ปุ่นดินแดง ชัดเจนอยู่แล้วว่ามี 2 พรรคการเมืองไปใช้ คือ พรรคตัวแม่ และพรรคลูก ไม่แน่ใจว่าทำไมต้องอยู่ด้วยกัน ไม่มาใช้พื้นที่จุฬาฯ ด้วยกัน หรือกลัวอะไรพลังประชารัฐ หรือจะบอกว่าจัดข้างๆ กัน เวลาเช็คบิลจะได้เช็คบิลกับนายใหญ่คนเดียว แต่พรรคพลังประชารัฐไม่มีเจ้าของ เป็นของประชาชน


สนธิรัตน์-พลังประชารัฐ-ปราศรัย-สนามเทพหัสดิน-เลือกตั้ง2562

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันประวัติศาสตร์ และพี่น้องจะมาร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์การเมืองหน้าใหม่ หลังจากที่ตนเดินทางไปทั่วประเทศ พบว่าพี่น้องทั่วประเทศไม่อยากเห็นบ้านเมืองกลับไปเป็นแบบเดิม สี่ปีที่แล้วประเทศไทยล้มเหลว ไม่มีปลอดภัย มีแต่ความขัดแย้ง คนไทยออกมาเข่นฆ่ากัน หลายคนไปบางภาคไม่ได้ ความเกลียดชังสั่งสมให้กับพี่น้อง ใช้วาทกรรมในการแบ่งแยกคนไทย แต่ยังโชคดีที่มีสถาบันทหาร ถ้าวันนั้นไม่มีทหาร บ้านเมืองคงไม่มีให้พวกเรานั่งกันอยู๋แน่นอน วันนั้นคือวันที่หทารเข้ามา ไม่ได้ต้องการยึดอำนาจ แต่ต้องการรักษาบ้านเมือง ถ้าไม่มีทหาร เราก็ไม่มีวันนี้ และจะเห็นว่า 4 ปีที่ผ่านมาบ้านเมืองสงบ ไม่มีความแตกแยก นำความสามัคคีกลับมาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แต่พอจะเลือกตั้งมีการหยิบยกวาทกรรมขึ้นมาว่ารัฐบาลทหารเลวร้าย ทำลายประเทศ ทั้งที่ 4 ปีนี้เป็นช่วงเวลาที่ประเทศรุ่งเรืองและแข็งแรง

วันนี้ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง มีเงินทุนสำรองอยู่ที่อันดับ 12 ของโลก คนที่บอกเศรษฐกิจไม่ดี พวกเขาพูดไม่จริง และพี่น้องประชาชนจำจำนำข้าวได้หรือไม่ กว่าจะเอากลับคืนมาได้ สี่ปีนี้รัฐบาลวางรากฐานแก้ปัญหาประเทศ จนนานาประเทศยอมรับประเทศไทย วันนี้เป็นต่อสู้กับระบอบเก่าที่ทำลายประเทศมายาวนาน เป็นระบอบที่ฝังรากลึกทำลายประเทศ วันนี้มีคนเดียวที่จะสู้กับระบอบเก่านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้หลงอำนาจไม่ได้คิดจะสืบทอด แต่เห็นว่างานของท่านยังไม่เสร็จ บ้านเมืองยังเดินไปข้างหน้าไม่ได้ งานของชาติยังต้องเดินหน้าต่อ “พี่น้องจะเชื่อสัจจะของชายชาติทหาร หรือจะเชื่อลมปากนักการเมือง?”


แกนนำ-พลังประชารัฐ-ปราศรัย-สนามเทพหัสดิน-เลือกตั้ง2562

นายอุตตม กล่าวว่า ตนไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ ตนและพี่น้องที่มีอุดมการณ์ตรงกันมาทำพรรคการเมือง เพราะเห็นว่าบ้านเมืองยังต้องเผชิญกับควาสมเสี่ยงและปัญหาทางการเมือง 2 ขั่วเดิมๆ ไม่ว่าจะไปทางไหนประเทศก็ไปทางเดิม วังวนเดิม พรรคพลังประชารัฐมาตามกติกาในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงไม่ใช่ประชาธิปไตยที่ใครแอบอ้าง แต่ก็ยังมีบางพรรคการเมืองใช้วาทกรรมมักง่าย เอาดีเข้าตัวทำให้ตนอื่นสับสน ว่าพรรคพลังประชารัฐจะสืบทอดอำนาจ ซึ่งไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย

ยืนยันว่าพลังประชารัฐไม่ได้สืบทอดอำนาจ แต่สืบทอดความสงบและโอกาสของพี่น้องประชาชน ขอสัญญาว่าจะทำหน้าที่อย่างดีไม่ให้การเมืองแบบเดิมๆ ทำร้ายประเทศไทยหรือสถาบัน ตนขอคารวะพี่น้องคนไทยทั้งชาติที่ให้กำลังใจกับพลังประชารัฐ พรรคเน้นการเสนอนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนให้ตรงจุด มืออาชีพต้องเป็นมืออาชีพที่โปร่งใสไร้ความทุจริต รัฐบาลลุงตู่เข้ามากอบกู้เศรษฐกิจประเทศและถ้าประเทศไทยไม่ฟื้ตัวจริง แขกจากการประเทศคงไม่แห่เข้ามาท่องเที่ยวถึง 40 ล้านคน

แต่แน่นอนว่ายังมีปัญหาอีกมากที่สั่งสมและต้องใช้เวลาแก้ไข มีพรรคการเมืองที่เสนอตัวว่าเป็นมืออาชีพ และตนสงสัยว่าปัญหาเหล่านี้ทำไมไม่แก้ไขไปตั้งแต่อดีต และที่บอกว่าทำให้คนไทยกระเป๋าตุง แต่ตอนนั้นกระเป๋าใครกันแน่ที่ตุง และตุงแล้วมีปัญหาตามมาใช่ไหม?

พร้อมกันนี้ นายอุตตมถามประชาชน พร้อมกล่าวเสริมว่าลุงตู่และทีมงานแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน การประมง การคมนาคม และหนี้นอกระบบ สุดท้ายนายอุตตม เตือนประชาชนว่าอย่าให้อารมณ์ของวาทกรรมมีผลต่อการตัดสินใจ นายกฯ ลุงตู่ไม่ใช่ทางเลือก แต่ถือเป็นทางเดียวสำหรับประเทศไทยที่จะก้าวไปให้พี่น้องประชาชนมีอนาคตสดใส