ไม่พบผลการค้นหา
'โดนัลด์ ทรัมป์' เตือนให้ 'สีจิ้นผิง' ควรเจรจากับผู้ประท้วงฮ่องกงโดยตรง หลังมีความกังวลว่า จีนอาจสั่งปราบปรามการประท้วงใหญ่ในฮ่องกงสุดสัปดาห์นี้ ด้านโจชัว หว่องรับลูกให้ผู้นำแดนมังกรพบกับผู้ประท้วงฮ่องกง

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่รัฐบาลจีนจะใช้ความรุนแรงในการปราบปรามผู้ประท้วงในฮ่องกง ขณะที่ผู้ประท้วงฮ่องกงนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยทรัมป์เปิดเผยว่า จะพูดคุยกับสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนทางโทรศัพท์ และเสนอให้สีเจรจากับผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงโดยตรง ทรัมป์ยังเสริมว่า เขาพร้อมพนันได้เลยว่า หากสีจิ้นผิงไปนั่งพูดถึงกับผู้ประท้วงฮ่องกง สีจิ้นผิงจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ภายใน 15 นาที แต่เขารู้ว่านั่นไม่สิ่งที่คนอย่างสีจิ้นผิงจะทำ

ด้านโจชัว หว่อง เลขาธิการพรรคเดโมซิสโต และอดีตแกนนำปฏิวัติร่มเมื่อปี 2014 กล่าวว่า "ยินดีต้อนรับจักรพรรดิสีให้มาที่ฮ่องกง และเข้าพบกับผู้ประท้วงโดยตรงอย่างเปิดเผยระหว่างการประท้วง"

เมื่อเดือนก.ค. ทรัมป์เคยแสดงความเห็นว่า สีจิ้นผิงสามารถรับมือกับสถานการณ์การประท้วงในฮ่องกงได้ดีแล้ว ก่อนจะออกมาขู่ว่า รัฐบาลจีนควรจะรับมือกับความไม่สงบในฮ่องกง “อย่างมีมนุษยธรรม” ซึ่งรัฐบาลจีนก็ออกมาประกาศกร้าวว่าพร้อมจะตอบโต้ทางการค้ากับสหรัฐฯ หากตั้งกำแพงภาษีในวันที่ 1 ก.ย.นี้

ท่าทีของทรัมป์คราวนี้มีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างผู้ประท้วงในฮ่องกงและรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ที่ดำเนินมาถึงสัปดาห์ที่ 11 แล้ว โดยมีผู้ประท้วงชาวฮ่องกงที่ออกมาเรียกร้องให้อังกฤษประกาศว่าจีนทำผิดเงื่อนไขการส่งมอบฮ่องกงคืนให้กับจีน และเรียกร้องให้สหรัฐฯ คว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีนที่มีหน้าที่รับผิดชอบกิจการในฮ่องกง

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ชายชาวฮ่องกง 5 คน อายุ 20 - 22 ปีถูกจับกุมเนื่องจากดึงธงชาติจีนลงมาแล้วโยนลงทะเลระหว่างการประท้วงที่วิกตอเรียฮาร์เบอร์ในวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา และในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพจีน (PLA) ไปซ้อมปราบปรามจลาจลอยู่บริเวณพรมแดนติดกับฮ่องกง โดยสำนักข่าวเอเอฟพีเผยแพร่ภาพที่ทหารหลายพันนายไปโบกธงแดงและเดินสวนสนามในสนามกีฬา เมืองเซินเจิ้น ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับฮ่องกง


ท่าที่ของทรัมป์ต่างจากคองเกรสและที่ปรึกษาของตัวเอง

สำนักข่าวเดอะนิวเยอร์กไทม์สระบุว่า ท่าที่ของของทรัมป์ทำให้เขาโดดเดี่ยวออกจากทั้งคองเกรส กระทรวงต่างประเทศ ประเทศพันธมิตรในยุโรปและที่ปรึกษาของเขาเอง เพราะขณะที่นักการเมืองแถวหน้าของทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน และทางการยุโรปจะแสดงจุดยืนสนับสนุนผู้ประท้วงในฮ่องกง แต่ทรัมป์กลับแทบไม่สนใจการประท้วงต่อต้านการครอบงำของจีนในฮ่องกงเลย ไม่สนใจมุมมองของที่ปรึกษาฝ่ายอนุรักษ์นิยมของตัวเองว่าโมเดลอำนาจนิยมของจีนจะเป็นอันตรายกับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ทั่วโลก แต่ทรัมป์กลับสนใจเพียงการค้าและการตั้งกำแพงภาษีกับจีนเท่านั้น 

การที่ทรัมป์พูดเพียงว่า เขาเชื่อว่าหากสีจิ้นผิงไปนั่งคุยกับผู้ชุมนุมก็จะทำให้แก้ไขปัญหาได้ แต่ทรัมป์ไม่ได้กล่าวสนับสนุนเป้าหมายการประท้วงของผู้ชุมนุมในฮ่องกงเลย ในขณะที่ จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เรียกร้องอย่างชัดเจนไม่ให้จีนใช้ความรุนแรงในการจัดการกับผู้ชุมนุม 

โบลตัน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าววีโอเอว่า ชาวอเมริกันยังคงจำเหตุการณ์ที่จัตุรัสเทียนอันเหมินเมื่อปี 1989 ที่มีผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยเสียชีวิตจำนวนมากได้ และจะเป็นความผิดครั้งใหญ่สำหรับจีนที่จะสร้างความทรงจำลักษณะนั้นอีกในฮ่องกง 

ส่วนกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ ก็ยังใช้คำที่รุนแรงกว่าทรัมป์เสียอีก โดยระบุว่า กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ สนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพในการชุมนุมอย่างสงบในฮ่องกง อีกทั้งยังกล่าวว่า สหรัฐฯ กังวลประเด็นที่สิทธิในการการบริหารตนเองของฮ่องกงเริ่มถดถอยลง

สำนักข่าวของจีนได้ตอบโต้โบลตันว่า โบลตันเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในประเทศของจีนอย่างน่ารังเกียจ หากฮ่องกงไม่สามารถฟื้นฟูหลักนิติธรรมขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง เหตุจลาจลในฮ่องกงก็จะยิ่งรุนแรงขึ้น เมื่อนั้นรัฐบาลฮ่องกงสามารถของให้กองทัพจีนก็จะเข้าไป “รักษาความสงบ” กับฮ่องกงโดยตรงตามที่ธรรมนูญระบุไว้


ที่มา : The Guardian, South China Morning Post, The New York Times