นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ประชุมคณะกรรมการฝ่ายพิธีการงานพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก ครั้งที่ 2/2562 โดยนายวิษณุให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้ติดตามงานส่วนต่างๆ โดยมีหลายเรื่องที่ได้รับพระราชวินิจฉัยลงมาแล้ว สามารถดำเนินการต่อได้ สำหรับคณะอนุกรรมการฝ่ายพิธีในเรื่องพิธีตักน้ำศักดิ์สิทธิ์จากสถานที่ต่างๆทั่วประเทศ 108 แห่งซึ่งกระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพนั้น สามารถจัดการได้เรียบร้อย เตรียมคนโทน้ำสำหรับบรรจุน้ำแล้ว และซักซ้อมความเข้าใจได้เป็นอย่างดี
ส่วนเรื่องตราสัญลักษณ์ ได้มีการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายไป 6-7 แบบ ซึ่งทรงมีพระราชวินิจฉัยลงมาแล้วแบบหนึ่ง โดยได้ทรงปรุงหรือปรับปรุงแก้ไขมีความหมายที่สวยสดงดงาม และเมื่อได้รับหนังสือยืนยันเป็นทางการแล้ว จะได้นำตราสัญลักษณ์จัดทำเป็นตราติดบนคนโทที่บรรจุน้ำอภิเษก และใช้สำหรับการประดับบนซุ้มตามถนนเส้นทางต่างๆ ในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด รวมถึงจัดทำธงสำหรับประดับตลอดการจัดงานพระราชพิธีดังกล่าว รวมทั้งจะนำไปใช้พิมพ์บนเสื้อสีเหลือง
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ตนอยากเชิญชวนประชาชนทั่วไปให้แต่งกายด้วยเสื้อสีเหลืองตลอด 4 เดือน ระหว่างเดือน เม.ย.-ก.ค.2562 ถ้าใครมีเสื้อสีเหลืองอยู่แล้ว สามารถนำมาใช้ได้ แต่ควรเป็นเสื้อที่มีตราสัญลักษณ์รัชกาลใหม่ จะมีความเหมาะสมมากกว่า เนื่องจากจะจัดพระราชพิธีดังกล่าวในเดือน เม.ย.และพ.ค. จากนั้นในเดือน ก.ค.เป็นเดือนเฉลิมพระชนมพรรษา อย่างไรก็ตาม สำนักนายกรัฐมนตรีจะจัดทำเสื้อดังกล่าวจำหน่ายเป็นต้นแบบต่อไป ส่วนผู้ใดจะทำก็ได้ แต่ต้องยื่นเรื่องขออนุญาตการใช้ตราสัญลักษณ์ให้ถูกต้อง ซึ่งคงจะมีเผยแพร่ตราสัญลักษณ์ได้ในเร็วๆนี้ เพราะทรงมีพระราชวินิจฉัยแล้ว และสำนักพระราชวังจะได้มีหนังสือยืนยันถึงนายกรัฐมนตรี ต่อจากนั้นสามารถดำเนินการได้
สำหรับเรื่องเข็ม มีอยู่ 2 อย่าง คือเข็มที่ใช้ประดับปกเสื้อซึ่งเป็นเข็มพระราชทาน กับเข็มที่รัฐบาลขอพระราชทานมาจัดทำเพื่อจำหน่ายแก่ประชาชนทั่วไป ซึ่งรายได้ทั้งหมดจะถูกนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย
นายวิษณุ กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือถึงกำหนดการในพระราชพิธีตั้งแต่วันที่ 2-6 พ.ค.นี้ เพื่อให้เป็นไปตามกฎและกติกา อีกทั้ง ที่ประชุมหารือถึงเรื่องเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร ในขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค โดยเสด็จออกจากพระบรมมหาราชวังที่จะไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และวัดพระเชตุพนวิมลมังคราราม แล้วจะเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง เป็นระยะทางทั้งหมดประมาณ 7 กิโลเมตร ซึ่งคงใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง บวกกับระยะเวลาที่จะประทับอยู่ในวัดต่างๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที รวมแล้วในขบวนนี้จะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง 30 นาที ถือเป็นกระบวนพยุหยาตราใหญ่ ซึ่งจะมีในวันที่ 5 พ.ค.นี้
อีกทั้ง ที่ประชุมหารือถึง กระบวนพยุหยาตราทางชลมารคที่จะมีในช่วงปลายเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งมีขบวนเรือพระที่นั่งและเรือรูปสัตว์ต่างๆออกจากท่าวาสุกรี ไปยังวัดอรุณราชวราราม เพื่อประกอบพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน และเสด็จกลับเพื่อมาขึ้นที่ท่าราชวรดิษฐ์ ซึ่งรวมระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตรครึ่ง มีพลพาย 2,200 คน ประจำเรือทั้งหมด 52 ลำ เต็มแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นขบวนพยุหยาตราที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ที่ปวงชนชาวไทยจะมีโอกาสได้เห็น