พล.ท. คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับทราบรายงานผลการตรวจเลือกทหารกองเกินทั่วประเทศ ประจำปี 2561 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
โดยสรุปยอดทหารกองเกินเข้ารับการตรวจเลือกทั่วประเทศ 525,621 คน ยอดที่กองทัพต้องการ 104,734 คน หรือร้อยละ 20 ของยอดเข้ารับการตรวจเลือก (ทบ. 80,011 คน ทอ.16,000 คน ทร. 8,723 คน) มีผู้สมัครใจเป็นทหาร 44,797 คน หรือร้อยละ 43 ของยอดที่ต้องการ เป็นผลให้มีผู้จับสลากจำนวน 214,519 คน เข้าประจำการ 58,739 คน หรือร้อยละ 27 ของยอดจับสลาก
จากข้อมูลดังกล่าว จำแนกพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มียอดทหารกองเกินเข้ารับการตรวจเลือก 10,662 คน ยอดที่กองทัพต้องการ 2,446 คน หรือร้อยละ 20 ของยอดเข้ารับการตรวจเลือก มีผู้สมัครใจเป็นทหาร 1,679 คน หรือร้อยละ 69 ของยอดที่ต้องการ เป็นผลให้มีผู้จับสลากจำนวน 6,779 คน เข้าประจำการ 700 คน หรือร้อยละ 10 ของยอดจับสลาก
ภาพรวมของการตรวจเลือกทหารกองเกินทั่วประเทศที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2554 - 2557 มีผู้สมัครใจเข้าเป็นทหาร โดยเฉลี่ยร้อยละ 31 ต่อปี จากยอดที่กองทัพต้องการในแต่ละปี โดยตั้งแต่ปี 2558 - 2561 มีผู้สมัครใจเข้าเป็นทหาร เฉลี่ยร้อยละ 46 ต่อปี จากยอดที่กองทัพต้องการในแต่ละปี ซึ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา
รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงกลาโหม กำชับหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ให้ความสำคัญในการกำกับดูแลและปฏิบัติกับทหารทุกคนอย่างสมเกียรติ การฝึกปรับสภาพทหารใหม่ทุกคน ให้ดำเนินการตามแบบฝึก โดยพิจารณาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ให้มีอันตราย
สำหรับการลงโทษ ให้ยึดแบบธรรมเนียมทหารอย่างเคร่งครัด โดยต้องไม่มีการใช้ความรุนแรงโดยเด็ดขาด ทั้งนี้ขอให้ระลึกว่า ทหารทุกคนเปรียบเสมือน ลูกหลาน หรือน้องๆ ที่หมุนเวียนเข้ามารับใช้ชาติและช่วยเหลือประชาชน กองทัพต้องเป็นสถาบันหลัก ที่ต้องเป็นที่เชื่อมั่นกับประชาชน พร้อมทั้งใช้โอกาสนี้ ในการช่วยเสริมสร้างทหารทุกคนให้มีวินัย ช่วยเหลือพัฒนาการศึกษาและทักษะอาชีพทหารทุกคน ให้พร้อมที่จะเป็นหลักให้กับครอบครัวเมื่อปลดประจำการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: