รวมถึงโลโก้ที่คล้ายพรรคเพื่อไทย ไม่นับรวมอดีตแกนนำพรรคเพื่อไทยไปร่วมพรรค ทำให้พรรคไทยรักษาชาติถูกมองว่าเป็นพรรคเครือข่ายของเพื่อไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือที่เรียกกันว่า ‘แตกพรรค’ นั่นเอง
การเข้าร่วมพรรคไทยรักษาชาติของ พล.อ.ยศนันท์ ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้แปลกใจนัก เพราะ พล.อ.ยศนันท์ ก็ได้ชื่อว่าเป็นนายทหารที่มีสายสัมพันธ์กับเครือข่ายเพื่อไทยเดิม
แต่สิ่งที่ทำให้เป็นข่าว เพราะเป็นถึง ‘อดีตรองผบ.สส.’ และเพิ่งเกษียณฯเมื่อ ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งที่ผ่าน ‘บิ๊กยอร์ช’ ก็ไม่ได้ออกมาพูดเรื่องการเมือง เพราะยังคงเป็นข้าราชการทหารอยู่
ดังนั้น การกล่าวในวันสมัครเป็นสมาชิกพรรคถึง คสช. อย่างตรงไปตรงมา โดยเรียกร้องให้ทหารยืนเคียงข้างประชาชน หมดยุคการใช้อำนาจเผด็จการปกครองประเทศแล้ว และ 4 ปีที่ผ่านมามีบทเรียน ประเทศชาติไม่เจริญก้าวหน้า จึงทำให้เป็นที่สนใจในสังคมไม่น้อยด้วย
ย่อมสะท้อนว่าใน คสช. มีคนที่คิดหลากหลายหรือไม่ และงานนี้จะมีมาแฉกันเองหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ออกอาการไม่น้อย
(พล.อ.ยศนันท์ หร่ายเจริญ เปิดตัวกับ 'ไทยรักษาชาติ')
“ไม่มี มีคนเดียวนี่แหละ ที่เป็นผู้ใหญ่ ขนาดเกษียณฯแล้ว มีวุฒิภาวะมาก อยู่ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาของผมมาโดยตลอด แต่มาว่า คสช.ทั้งที่ คสช.ก็ทำทุกอย่าง” พล.อ.ประวิตร กล่าว
“ไม่กลัว จะไปแฉอะไร เพราะไม่มีอะไรให้แฉ คสช.มีแต่ข้อมูลที่ดีทั้งนั้น จะมาแฉเรื่องอะไรเพราะไม่เคยทำอะไรผิด” พล.อ.ประวิตร กล่าว
ซึ่งนานๆครั้งที่จะเห็น พล.อ.ประวิตร ตอบโต้ ‘พี่-น้องทหาร’ ด้วยกันที่รุนแรง เพราะ พล.อ.ประวิตร เป็น แกนนำ ตท.6 ส่วน พล.อ.ยศนันท์ เป็น แกนนำตท.16 ห่างกันถึง 10 รุ่น ซึ่งก็ยอมรับว่า ‘ผิดหวัง’ ไม่น้อย
ถ้ายิ่งโฟกัส ตท.16 จะเป็นรุ่นของ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท อดีตผบ.ทบ. พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง อดีตผบ.ทอ. และ พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ อดีต ผบ.ทร.
“ผิดหวังมาก เพราะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาผมมา”
“ก็แปลกดี อยู่กับเรามาโดยตลอด และไปด่า คสช. ไม่คิดถึงข้าวแดงแกงร้อน” พล.อ.ประวิตร กล่าว
แต่ทั้งหมดนี้ไม่สำคัญเท่าการ ‘แฉกลับ’ ของ พล.อ.ประวิตร ที่มีต่อ พล.อ.ยศนันท์ ถึงเรื่องการวิ่งเต้นต่างๆในอดีต
เพราะ พล.อ.ยศนันท์ เป็นนายทหารที่เติบโตมาจาก ร.1 รอ. จนได้ขึ้นเป็น ผบ.ร.1 รอ. และเคยขึ้นเป็น ผบ.พล.ร.11 ก่อนมาเป็น ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ผบ.นรด.) ติดยศ พลโท ก่อนขึ้นเป็น พลเอก ในตำแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. จากนั้นมาเป็น ผู้อำนวยการสำนักงานประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและความมั่นคงกองทัพบก (ผอ.สปร.ทบ.) และเป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. อีกครั้ง ก่อนมาเกษียณฯในตำแหน่ง รองผบ.สส.
ซึ่งหากดูจากโปร์ไฟล์แล้ว ‘พลังงัดข้อ – แรงหนุน’ ไม่ธรรมดาแน่นอน โดย พล.อ.ยศนันท์ ก็ไม่ขอตอบโต้ใดๆ เพราะเชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจ
“เหตุใดตอนที่อยู่ถึงไม่พูด ไปโดนอะไรมาหรือไม่ ก็มันวิ่งเต้นมาตลอด ถือว่าไม่เหมาะสมที่ทำแบบนี้” พล.อ.ประวิตร กล่าว
“ตอนอยู่ก็สนับสนุนอย่างดี ทำตัวเป็นคนอีกคนหนึ่ง” พล.อ.ประวิตร กล่าว
แต่ดูเหมือน ‘หยิกเล็บเจ็บเนื้อ’ เรื่องการวิ่งเต้น เพราะก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร ก็เคยมีวิวาทะเรื่อง ‘เกาะโต๊ะ’ กับ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ มาก่อนหน้านี้ด้วย
หลัง พล.อ.ประวิตร ตอบโต้ ‘ทักษิณ’ หลังโพสต์เฟซบุ๊กครบรอบ 12 ปี รัฐประหาร 19ก.ย.2549 พร้อมส่งสัญญาณที่จะ ‘ปรองดอง’ ด้วย ว่า ก่อนจะมาปรองดองยังมีเรื่องทำผิดกฎหมายอยู่ ขอให้ไปเคลียร์ให้ได้ก่อน
ทำให้ ‘ทักษิณ’ ทวีตโต้กลับว่า “ท่าทีและน้ำเสียงขึงขังน่ากลัวจัง ไม่นุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนตอนมาเกาะโต๊ะขอเป็น ผบ.ทบ. เลย”
กลายเป็นเรื่องเป็นราวว่า ‘การเกาะโต๊ะ’ มีจริงหรือไม่ ?
เพราะ พล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. สมัยรัฐบาลทักษิณ โดยโยก ‘บิ๊กตุ้ย’พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ลูกพี่ลูกน้อง จากเก้าอี้ ผบ.ทบ. ไปเป็น ผบ.สส. ก่อนเกษียณฯ 1 ปี
เรื่องนี้ พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพียงกล่าวสั้นๆ ว่า “เขาก็พูดไปเอง” ทำให้ตีความกันว่าไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธใดๆ
แต่ล่าสุด ‘ทักษิณ’ ได้ทวีตเอาคืน พล.อ.ประวิตร อีกครั้ง หลังได้ต่อว่า พล.อ.ยศนันท์ สั้นๆว่า “ทหารที่อาสาเข้ามาทำงานการเมืองแบบตรงไปตรงมา น่าชื่นชมกว่าทหารที่เข้ามาโดยการยึดอำนาจไหมครับป้อม”
ทหารที่อาสาเข้ามาทำงานการเมืองแบบตรงไปตรงมา น่าชื่นชมกว่าทหารที่เข้ามาโดยการยึดอำนาจไหมครับป้อม
— Thaksin Shinawatra (@ThaksinLive) November 21, 2018
แน่นอนว่าสำนวนการใช้ภาษายังแสดงถึง ‘อำนาจ’ ที่นายทักษิณ ยังคง ‘ต่อรอง’ กับ พล.อ.ประวิตรได้
โดยเฉพาะคำว่า “ครับป้อม” ซึ่งเป็นการกลับมาทวีตข้อความ หลังทวีตข้อความล่าสุดเรื่อง ‘เกาะโต๊ะ’ นั่นเอง ซึ่งหากมองให้ดีย่อมมีความเชื่อมโยงกัน ในเรื่องการใช้ภาษาที่ ‘ท้าทายอำนาจ’ กับ พล.อ.ประวิตร
แน่นอนว่า สิ่งที่ต้องจับตาจากนี้คือความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ เพราะ ยิ่งใกล้เลือกตั้งเท่าไหร่ ความดุเดือดต่างๆ และตัวละครทางการเมืองก็จะมากขึ้น แต่ละฝ่ายเริ่ม ‘ทิ้งไพ่ใบสำคัญ’ มากขึ้น
แม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้แง้มช่องหากใครจะใช้ชื่อตนไปเป็น ‘แคนดิเดตนายกฯ’ ก็ขอให้มาพบปะเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ใช่ไปพูดกันในสื่อ และเปรยว่ามีอะไรอยู่ในใจอยู่ เมื่อถึงเวลาจะพูดออกมา
เชือดนิ่มๆ แต่แสบทรวง !!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง