หลังจากที่สภาสูงลงมติผ่านร่างงบประมาณชั่วคราว เพื่อระงับการชัตดาวน์ ด้วยคะแนนเสียง 81 - 18 เสียง โดยที่พรรคเดโมแครตยอมให้โครงการผู้อพยพวัยเยาว์ หรือ DACA ไม่รวมอยู่ในร่างงบประมาณ ทำให้ฝ่ายหัวก้าวหน้าและนักเคลื่อนไหวต่างผิดหวังกันอย่างมาก และมองว่า พรรคเดโมแครตไม่กล้าหาญพอที่จะยืนหยัดในหลักการของตัวเองเมื่อเจอกับการโจมตีจากพรรครีพับลิกัน
แม้นายมิตช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในสภาสูงสัญญาว่า จะเปิดโอกาสให้มีการพิจารณางบประมาณสำหรับโครงการ DACA ได้อีก แต่ฝ่ายหนุน DACA จำนวนมาก รวมถึง ส.ว.เดโมแครตบางคนเองก็ยังไม่เชื่อมั่นที่พรรคเดโมแครตจะปล่อยให้ชะตากรรมของผู้อพยพวัยเยาว์อยู่ในมือของสภาสูงที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากอยู่ และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้นำที่คาดเดาไม่ได้
ช่วงที่ผ่านมา เดโมแครตค่อนข้างมั่นใจมากว่าประชาชนจะเข้าข้างตน และพรรครีพับลิกันจะต้องรับผิดชอบกับการชัตดาวน์ครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีการเดินขบวนของกลุ่มผู้หญิงนับล้านคนทั่วสหรัฐฯ หรือ Women's March เพื่อต่อต้านนายทรัมป์ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่พรรครีพับลิกันร่วมกันโจมตีว่า พรรคเดโมแครตให้ความสำคัญกับผู้อพยพมากกว่ากองทัพ จนยอมให้เกิดการชัตดาวน์ขึ้นได้
การที่พรรคเดโมแครตยอมถอยเรื่องนี้หลังถูกโจมตี จึงทำให้ฝ่ายหัวก้าวหน้ารู้สึกถูกหักหลัง และมองว่า เดโมแครตไม่ยืนหยัดเคียงข้างฐานเสียงที่สนับสนุนตนเองอยู่ โดยนายชาร์ลส เชมเบอร์เลน ผู้อำนวยการบริหารขององค์กรส่งเสริมประชาธิปไตย Democracy for America แสดงความเห็นว่า พรรคเดโมแครตแสดงความขี้ขลาดทางจริยธรรมและทางการเมือง จนทำลายโอกาสของตัวเองที่จะกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาล่างในปี 2018 ไปแล้ว