23.15
โจ ไบเดน คว้าชัยชนะ กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 หลังโกยคะแนนเสียงจากรัฐเพนซิลเวเนีีีย ส่งผลให้มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 273 เสียง เอาชนะ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีี 213 เสียง
โจ ไบเดน ยังทำลายสถิติเป็นประธานาธิบดีที่มีผลคะแนนโหวตมากที่สุด (Popular Vote) ในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งสหรัฐ ถึง 74 ล้านเสียง
ก่อนหน้านี้ ไบเดน สามารถเอาชนะผลโหวตในรัฐสวิงสเตตที่สำคัญอย่าง วิสคอนซิน มิชิแกน และเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นรัฐที่เลือกทรัมป์เมื่อปี 2016
โดยยังคาดว่า รัฐที่นับคะแนนยังไม่เสร็จ อาทิ แอริโซนา และ เนวาดา ไบเดนก็อาจคว้าชัยชนะด้วยเช่นกัน ซึ่งจะดันคะแนนผู้เลือกตั้งเกิน 280 เสียง
นอกจากชัยชนะของไบเดน “คามาล่า แฮร์ริส” ยังจะกลายเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐหญิงคนแรก
ทั้งสองจะสาบานเข้ารับตำแหน่งวันที่ 20 ม.ค. 2564
11.30
โจ ไบเดน ขึ้นแถลงข่าวที่เมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ ระบุว่า พร้อมทำงานแก้ไขการระบาดของโควิด-19 และจัดการกับปัญหาทางเศรษฐกิจ พร้อมแสดงความมั่นใจว่าจะชนะการเลือกตั้ง
แถลงการณ์นี้มีขึ้นหลังจากที่ผลการนับคะแนนในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งมีคณะผู้เลือกตั้ง 20 เสียง เริ่มมีคะแนนโหวตนำทิ้งห่าง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยหากไบเดน เอาชนะที่รัฐนี้ได้ ส่งผลให้เขากลายเป็นผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ทันที
"ขณะนี้ยังไม่ทราบผลชี้ขาดเลือกตั้ง แต่มันใจว่าเราจะชนะ ตัวเลขชี้ชัด ว่าเรากำลังจะคว้าชัยชนะ ผมขอให้ชาวอเมริกันอดทน รอฟังผลอย่างใจเย็น และเชื่อในระบบการเลือกตั้งและการนับคะแนน เรากำลังจะได้คณะผู้เลือกตั้งถึง 300 เสียง" ไบเดนกล่าว
ไบเดนยังระบุด้วยว่า "ความรับผิดชอบของผมในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ คือการเป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศ"
สำหรับการนับคะแนนที่รัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งถูกจับตามองในขณะนี้ หน่วยงานด้านการเลือกตั้งของรัฐยอมรับว่า อาจใช้เวลาอีกราวสองถึงสามวันการนับคะแนนจึงจะแล้วเสร็จ เนื่องจากยังเหลือบัตรลงคะแนนหลายหมื่นใบที่รอการนับเช่นเดียวกับรัฐเนวาดาที่ยังเหลือบัตรนับคะแนนอีกกว่า 1 แสนใบที่ต้องนับเช่นกัน
08.05
เข้าสู่วันที่ 3 ของการนับคะแนนเลือกตั้งสหรัฐ
อดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีคะแนนพลิกกลับมานำในรัฐเพนซิลเวเนีย (20 เสียง) และจอร์เจีีีย (16 เสียง) แต่การนับคะแนนของรัฐยังไม่เสร็จสิ้น
ขณะที่ไบเดน ยังมีคะแนนนำในรัฐแอริโซนา (11 คน) และเนวาดา (6 คน)
เวลานี้ ปธน.ทรัมป์ จำเป็นต้องได้รับชัยชนะจาก 4 รัฐข้างต้น รวมทั้งรัฐอแลสกาที่ทรัมป์ มีคะแนนนำในขณะนี้ด้วย
ในการนับคะแนนช่วงเช้าวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐฯ ไบเดน มีคะแนนเสียงมหาชน (popular vote) ที่ 73.5 ล้านเสียง
ส่วนปธน.ทรัมป์ ได้ไป 69.5 ล้านเสียง
ผลการคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral vote) ทั้งสองยังคงมีคะแนนหยุดนิ่งที่
โจ ไบเดน มีคะแนนนำ 253 เสียง
โดนัลด์ ทรัมป์ มีคะแนน 214 เสียง
---
21.45
โจ ไบเดน มีคะแนนในรัฐเพนซิลเวเนียนำแซงหน้า โดนัลด์์ ทรัมป์
หากไบเดน สามารถชนะรัฐในนี้ได้จะคว้าชัยเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ทันที เพราะเพนซิลเวเนียมีคณะผู้เลือกตั้ง 20 เสียง
โดย ไบเดน ขณะนี้ครองคณะผู้เลือกตั้ง 253 เสียง
18.40
ประเด็นที่ต้องจับตามอง
โจ ไบเดน กำลังมีคะแนนนำแซงหน้าโดนัลด์ ทรัมป์ ในรัฐจอร์เจีย ซึ่งนับคะแนนเสร็จไปแล้ว 99%
หาก ไบเดน คว้าชัยชนะรัฐจอร์เจียได้ ทรัมป์จะหมดหวังในการรั้งตำแหน่งประธานาธิบดีสมัย 2 โดยเขาเพียงต้องการชัยชนะเพิ่มอีกเพียงรัฐเดียว เพื่อให้ได้คะแนนเสียงถึง 270 ซึ่งในการนับคะแนนที่รัฐเนวาดา และ แอริโซนา ขณะนี้ ไบเดน มีคะแนนนำโดนัลด์ ทรัมป์
16.50
การนับคะแนนรัฐจอร์เจีย
โจ ไบเดน เริ่มมีคะแนนนำตีตื้น นำโดนัลด์ ทรัมป์ ส่วนต่าง 917 เสียง
ซึ่งหากไปเดนสามารถครองเสียงข้างมาก คว้าชัยชนะเหนือรัฐจอร์เจีย จะถือเป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปีที่ แดโมแครตชนะที่รัฐแห่งนี้ เหนือพรรค รีพับลิกกััน
15.30 น.
จับตา 5 มลรัฐสมรภูมิ ที่การนับคะแนนยังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งสามารถตัดสินได้ว่าใครจะครองทำเนียบขาว
สำหรับผลการนับคะแนนที่ต้องลุ้นอีก 5 มลรัฐ คือ จอร์เจีย, เนวาดา, แอริโซนา, นอร์ท แคโรไลนา และเพนซิลเวเนีย ซึ่งทั้งสองมีคะแนนเชือดเฉือนกันอย่างมาก
เพนซิลเวเนีย (20)* ทรัมป์นำไบเดน +0.3% ส่วนต่างคะแนน 22,576 นับแล้ว 95%
จอร์เจีย (16) ทรัมป์นำไบเดน 0.0% ส่วนต่างคะแนน +1,709 นับแล้ว 99%
เนวาดา (6) ไบเดนนำทรัมป์ +0.9% ส่วนต่างคะแนน 11,438 นับแล้ว 89%
แอริโซนา (11) ไบเดนนำทรัมป์ +1.6% ส่วนต่างคะแนน 47,052 นับแล้ว 90%
นอร์ท แคโรไลนา (15) ทรัมป์นำไบเดน +1.4% ส่วนต่างคะแนน 76,737 นับแล้ว 95%
*จำนวนเสียงคณะผู้เลือกตั้งแต่ละรัฐ
อ้างอิงข้อมูลผลคะแนนจาก CNN
13.05
ท่ามกลางการนับคะแนนใน 5 รัฐที่ขณะนี้ 'รัฐจอร์เจีย' ซึ่งเป็นรัฐสมรภูมิที่มีคณะผู้เลือกตั้ง 16 เสียง เป็นพื้นที่น่าจับตามองมากที่สุด เนื่องจากคะแนนของทรัมป์เริ่มทิ้งห่างไบเดน โดยเหลือที่ยังนับไม่เสร็จอีกเพียง 1%
รัฐจอร์เจีย นับบัตรเลือกตั้งแล้ว 99%
โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับคะแนนเสียง 2,448,037 คิดเป็น 49%
โจ ไบเดน ได้รับคะแนนเสียง 2,446,328 คิดเป็น 49%
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ยังมีบัตรที่ยังไม่ได้ถูกนับอีกราว 14,000 ใบ ซึ่งอาจส่งผลให้คะแนนไบเดน พลิกกลับมานำทรัมป์ได้
10.15
ผลการคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral vote) ทั้งสองยังคงมีคะแนนหยุดนิ่งที่
โจ ไบเดน มีคะแนนนำ 253 เสียง
โดนัลด์ ทรัมป์ มีคะแนน 214 เสียง
**อ้างอิงผลจาก ABC
6.30
ประธานาธิบดีทรัมป์ แถลงที่ทำเนียบขาว อ้างถูกโกงการเลือกตั้ง
"ผมถูกโกง ผมถูกปล้นชัยชนะ" ทรัมป์กล่าว
ผู้นำสหรัฐฯ ระบุตอนหนึ่งของการแถลงว่า วิธีการลงคะแนนผ่านไปรษณีย์เป็นช่องทางทุจริต พร้อมตั้งข้อสังเกตที่คะแนนของโจ ไบเดน เพิ่มสูงขึ้น หลังมีการนับคะแนนจากบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์
การเลือกตั้งผ่านไปรษณีย์เป็นช่องทางทุจริต พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงคะแนนที่เพิ่มสูงขึ้นของนายโจ ไบเดน หลังมีการนับบัตรเลือกตั้งจากไปรษณีย์ อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์ไม่ได้แสดงหลักฐานใดๆตามที่กล่าวอ้าง
---
21.00
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความ เรียกร้องให้หยุดนับคะแนนเลือกตั้ง
20.22
โลกยังลุ้นผลนับคะแนนประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46
ผลการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ 2020 ยังคงล่าช้าและมีผลคะแนนพลิกผัน จากการที่ผู้สมัครทั้งสองฝ่ายมีคะแนนเสียงใกล้เคียง รวมถึงปรากฏการณ์ชาวอเมริกันออกมาใช้สิทธิทางไปรษณีย์จำนวนมากเป็นประวัติการณ์นับสิบล้านใบ ทำให้ผลการนับคะแนนล่าช้าออกไป ซึ่งเปิดช่องให้ปธน.ทรัมป์ กล่าวโจมตีการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยอ้างเรื่องโกงเลือกตั้ง แต่ไม่มีหลักฐานตามอ้าง
เลือกตั้งทางไปรษณีย์ เหตุทำให้ผลนับคะแนนล่าช้า
ด้วยสถานการณ์บาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้จำนวนผู้ลงทะเบียนขอรับบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าทางไปรษณีย์สูงเป็นประวัติการณ์ โดยมีชาวอเมริกันกว่า 93 ล้านใช้สิทธิลงคะแนนล่วงหน้า จำนวนนี้เป็นบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์กว่า 59 ล้านใบ คิดเป็น 1 ใน 3 ของมีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมดเกือบ 240 ล้านคน
รัฐที่ยังนับคะแนนไม่เสร็จเหลืออีก 5 รัฐ จำนวนนี้รวมถึง 'รัฐสมรภูมิ' ที่อาจตัดสินชี้ชะตาของทั้งสองได้ คือ แอริโซนา, จอร์เจีย, เนวาดา, นอร์ท แคโรไลนา และเพนซิลเวเนีย
การนับผลคะแนนทางไปรษณีย์จะแตกต่างกันไปแต่ละรัฐ เช่น มิชิแกน เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน ไม่ได้อนุญาตให้นับคะแนนจนกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง ส่วน นอร์ท แคโรไลนา จะรอนับคะแนนเลือกตั้งทางไปรษณีย์ที่มาถึงล่าช้าและจะประกาศผลคะแนนเพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า ขณะที่ ฟลอริดา มีการนับคะแนนบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์หลายสัปดาห์ก่อนถึงวันเลือกตั้งจริงแล้ว จึงสามารถประกาศผลเลือกตัั้ั้งได้เร็ว
สำหรับรัฐจอร์เจีย ซึ่งมีจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง 16 เสียง ยังคงมีการนับคะแนนอย่างต่อเนื่อง โดยผลคะแนนของทั้งโดนัลด์ ทรัมป์ และ โจ ไบเดน มีคะแนนสูสีกันอย่างมาก
คะแนนดิบรัฐจอร์เจีย เมื่อเวลา 20.30 น.
โดนัลด์ ทรัมป์ 2,431,724 คะแนน (50%)
โจ ไบเดน 2,413,184 คะแนน (49%)
19.45
ผลการคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral vote)
โจ ไบเดน มีคะแนนนำ 253 เสียง
โดนัลด์ ทรัมป์ มีคะแนน 214 เสียง
**อ้างอิงจาก ABC
19.30
ผู้สนับสนุนทั้งฝ่ายทรัมป์และไบเดนเริ่มแสดงพลังในหลายรัฐ
กระบวนการนับคะแนนที่ใช้เวลานานกว่าปกติ ส่งผลให้มวลชนที่สนับสนุนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มแสดงทวีความตึงเครียด จากการมีกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงปรากฏขึ้นตามท้องถนนและบริเวณสถานที่นับคะแนนในหลารัฐ อาทิ รัฐแอริโซนา ที่กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์รวมตัวจับตาการนับคะแนนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเกรงว่าจะมีการโกงการนับคะแนนเลือกตั้งตามที่ผู้นำสหรัฐกล่าวอ้าง
เช่นเดียวกับบริเวณสถานที่นับคะแนนในรัฐออเรกอน มีกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านทรัมป์ เรียกร้องให้มีการนับคะแนนของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างครบถ้วนเช่นกัน
11.45
เหลือรัฐใดบ้างที่ยังคงนับคะแนนไม่เสร็จ
ผลการนับคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (electoral votes) โจ ไบเดน 253 ต่อ โดนัลด์ ทรัมป์ 213
แม้ไบเดนจะมีคะแนนนำโดนัลด์ ทรัมป์ หลังสามารถโกยคะแนนคณะผู้เลือกตั้งจากรัฐวิสคอนซิน และมิชิแกนได้สำเร็จ รวมถึงมีแนวโน้มจะคว้าชัยชนะจากรัฐสมรภูมิสำคัญอย่าง แอริโซนา และเพนซิลเวเนีย แต่ไบเดนยังคงไม่ประกาศชัยชนะ โดยบอกว่า จะรอให้การนับคะแนนทั้งหมดเสร็จสิ้นลงก่อน
ขณะนี้เหลือ 9 รัฐที่การนับคะแนนยังไม่เสร็จสิ้น คือ อลาสกา, แอริโซนา, จอร์เจีย, เมน, มิชิแกน, เนวาดา นอร์ท แคโรไลนา เพนซิลเวเนีย และ วิสคอนซิน
สำหรับรัฐมิชิแกน สื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า โจ ไบเดน คว้าชัยชนะเหนือโดนัลด์ ทรัมป์
ส่วนรัฐอื่นๆที่ต้องจับตามองคือ แอริโซนา ซึ่งการนับคะแนนไบเดนมีแนวโน้มคว้าชัยชนะ
ขณะที่ เพนซิลเวเนีย และ จอร์เจีย การนับคะแนนยังคงดำเนินต่อไป ผลคะแนนของทั้งสองสูสี โดยทั้งสองรัฐรายงานว่า ยังเหลือบัตรลงคะแนนผ่านทางไปรษณีย์อีกเป็นจำนวนมากที่รอการนับคะแนน
**อ้างอิงจาก Reuters
10.14
โจ ไบเดน ครองจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ทั้งหมด 253 เสียง
โดนัลด์ ทรัมป์ ครองจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ทั้งหมด 213 เสียง
**อ้างอิงข้อมูลจาก CNN
08.30
ไบเดนยังไม่ประกาศชัยชนะ แม้โกยคะแนน วิสคอนซิน - มิชิแกน
โจ ไบเดน ขึ้นกล่าวแถลงอีกครั้งเมื่อช่วงบ่ายของวันพุธ ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ ที่เมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ หลังได้รับชัยชนะในรัฐวิสคอนซิน และการนับคะแนนในรัฐสำคัญอีก 6 รัฐที่เหลือยังดำเนินไปอยู่ในขณะนี้
ไบเดน กล่าวว่า ภายหลังการนับคะแนนอันยาวนาน เป็นที่แน่ชัดว่าตนเองกำลังได้รับชัยชนะ จากการได้จำนวนคณะผู้เลือกตั้ง 270 เสียง "เราแต่จะยังไม่ประกาศชัยชนะในเวลานี้ แต่จะประกาศเมื่อการนับคะแนนสิ้นสุดลง"
07:00
โจ ไบเดน คว้าชัยเพิ่มใน ‘มิชิแกน’ ประกาศว่า “เราจะชนะ” แม้จะยังเหลือมลรัฐสำคัญอีกหลายแห่งที่ยังนับคะแนนไม่เสร็จ ตอนนี้คะแนน Electoral College นำอยู่ที่ 243 : 214 อีกเพียง 27 เสียงเท่านั้นก็จะชนะ
Source: Reuters
---
20.06
สรุปผลเลือกตั้งสภาคองเกรสอย่างไม่เป็นทางการ
ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้เเทนราษฎอย่างไม่เป็นทางการ ชี้ว่า พรรคเดโมแครตยังคงสามารถรั้งเสียงข้างมากในสภาฯได้ตามคาด ด้วยคะแนนเดโมแครต 204 ต่อ รีพับลิกัน 190 เสียง
ขณะเดียวกัน ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ารีพับลิกันสามารถคุมเสียงข้างมากในวุฒิสภาเช่นเดิมหรือไม่ โดยผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ รีพับลิกัน 47 ต่อ แดโมแครต 44 เสียง
การวิเคราะห์ผลของ exit poll โดย Edison Research พบว่า หากเทียบกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อ 4 ปีก่อน ทรัมป์ได้การสนับสนุนเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มสีผิว ทั้งชายและหญิง ยกเว้นกลุ่มคนผิวขาวที่เป็นผู้ชาย
19.00
ยังสรุปผลไม่ได้! คะแนน 'ทรัมป์-ไบเดน' สูสี - การนับคะเเนนเดินหน้าต่อไป
จนถึงเช้ามืดวันที่ 4 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน หรืออดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน สังกัดพรรคเดโมเแครต ใครจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปีนี้
ผลการนับคะแนนในหลายรัฐ อาทิเช่น รัฐนอร์ธแคโรไลนาจอร์เจีย เพนซิลเวเนีย มิชิแกน และรัฐวิสคอนซิน ยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากมีบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์เป็นจำนวนมาก โดยผู้ลงคะแนนจำนวนมากเลือกใช้สิทธิ์เลือกตั้งวิธีนี้ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ระบาดหนักในสหรัฐฯ
แม้ประธานาธิบดีทรัมป์จะยังมีคะแนนนำในหลายๆ รัฐที่ยังนับคะแนนไม่เสร็จ แต่บัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์จำนวนมากที่ยังไม่ได้นับ และอาจพลิกผลการเลือกตั้งได้ให้นายโจ ไบเดนกลับมาได้เปรียบ เนื่องจากผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตเลือกลงคะแนนเสียงผ่านทางไปรษณีย์มากกว่าผู้สนับสนุนพรรคริพับลิกันเป็นจำนวนมาก
18.45
สรุปผลคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College)
โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในมลรัฐ อินดีแอนา, เคนทักกี, เทนเนสซี, เวสต์เวอร์จิเนีย, อาร์คันซอ, เซาท์ดาโกตา, นอร์ทดาโกตา, แอละแบมา, เซาท์แคโรไลนา, เนบราสกา, มอนแทนา, เทกซัส, ไอโอวา, โอไฮโอ, แคนซัส, มิสซูรี, ลุยเซียนา, ยูทาห์ และฟลอริดา
ส่วน โจ ไบเดน คว้าชัยชนะในรัฐ นิวยอร์ก, เวอร์มอนต์, นิวเจอร์ซีย์, คอนเนตทิคัต, โคโลราโด, มินนิโซตา, โรดไอแลนด์, เวอร์จิเนีย, อิลลินอยส์, นิวแฮมป์เชียร์, นิวเม็กซิโก และแคลิฟอร์เนีย
18.40
ยาแน็ส ยานชา วัย 62 ปี นายกรัฐมนตรีสโลวีเนียได้กล่าวแสดงความยินดีกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่ทรัมป์ขึ้นแถลงที่ทำเนียบขาว อ้างชัยชนะในการเลือกตั้งเหนือโจ ไบเดน แม้ในบางมลรัฐผลการนับคะแนนยังไม่เสร็จสิ้น
17.05
ผลการนับคะแนนเลือกตั้งสหรัฐฯ 2020 ดำเนินมาเกินครึ่งทางแล้ว พบว่าโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวโน้มได้รับคะแนนเสียงทิ้งห่าง โจ ไบเดน โดยเฉพาะหลายรัฐที่ยังไม่ประกาศผลอย่างเป็นทางการ แม้ว่าไบเดนจะมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งนำหน้าทรัมป์ก็ตาม
ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในรัฐฟลอริดา เท็กซัส ซึ่งเป็นรัฐยุทธศาสตร์สำคัญที่ชี้ชะตาได้ว่าใครจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไป ส่วนรัฐอื่นๆที่สำคัญอย่าง จอร์เจีย, เพนซิลเวเนีย, วิสคอนซิน, มิชิแกน และนอร์ทแคโรไลนา ยังไม่ทราบผลคะแนนอย่างเป็นทางการ ซึ่งยังต้องนับรวมบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนทางไปรษณีย์ด้วย
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่าเขามีแผนจะยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาในเรื่องผลการเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรมด้วย
17.00
โจ ไบเดน พลิกกลับมามีคะแนนนำในรัฐวิสคอนซินซึ่งก่อนหน้านี้คะแนนเทไปให้กับฝั่งพรรคริพับลิกัน ด้วยสัดส่วน 49.3% ต่อ 49.0%
16.44
ส่อยืดเยื้อ ทรัมป์อ้างคว้าชัยชนะเลือกตั้ง และขอให้ศาลสูงสุดแทรกแซงเพื่อหยุดการนับคะแนน โดยอ้างว่าพบการโกงการเลือกตั้ง แต่ยังไม่ชัดเจนว่า "การไปศาลสูงสุด" ของทรัมป์หมายถึงอะไร
โจ ไบเดน ครองจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ทั้งหมด 224 เสียง
โดนัลด์ ทรัมป์ ครองจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ทั้งหมด 213 เสียง
15.11
โจ ไบเดน ชนะเพิ่มรัฐ แอริโซนา, เมน
โจ ไบเดน พลิกผลคว้าชัยชนะในรัฐแอริโซนา ซึ่งเป็นรัฐฐานเสียงของพรรครีพับลิกัน ที่ทรัมป์เคยคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งปี 2559 คว้าคะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้งเพิ่มอีก 11 เสียง ขณะที่รัฐเมน ซึ่งเป็นฐานเสียงเดโมแครตอยู่แล้ว ไบเดน คว้าคณะผู้เลือกตั้งอีก 4 เสียง
14.20
ทรัมป์ลั่นชนะเลือกตั้ง - ขู่ฟ้องศาลสูงสุด แย้งการนับผลคะแนนไม่โปร่งใส
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แถลงที่ทำเนียบขาว แสดงความมั่นใจได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 หลังจากที่สามารถกวาดผลคะแนนคณะผู้เลือกตั้งในพื้นที่ฐานเสียงรีพับลิกันในหลายรัฐ อย่าง เท็กซัส โอไฮโอ ฟลอริดา
ทรัมป์ยังแสดงความมั่นใจว่ารัฐ Swing States อื่นๆอย่างรัฐจอร์เจีย นอร์ทแคโรไลนา แอริโซนา เพนซิลเวเนีย และมิชิแกน ซึ่งเป็นรัฐที่ยังไม่มีการประกาศผลอย่างเป็นทางการเนื่องจากยังอยู่ระหว่างการนับคะแนน จะสามารถคว้าเสียงคณะผู้เลือกตั้งเหนือคู่แข่งโจ ไบเดน อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ทรัมป์กล่าวว่า จะส่งเรื่องให้ศาลสูงสุดให้หยุดนับคะแนนเลือกตั้ง เพราะเขาถือว่าการนับคะแนนหลังจากวันเลือกตั้งคือการโกง โดยทรัมป์บอกว่าผลการเลือกตั้งทั้งหมดจะจบลงในคืนนี้ ไม่ใช่มาถึงตอนเช้าวันพรุ่งนี้แล้วบอกว่ามีบัตรเพิ่มขึ้นมาอีกเป็นล้านๆ ใบ
ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า "การไปศาลสูงสุด" ในความหมายของทรัมป์คืออะไร เนื่องจากศาลสูงสุดของสหรัฐไม่ใช่ศาลแรกที่จะทำการตัดสินคดีความ แต่จะพิจารณาทบทวนการตัดสินของศาลชั้นต้น
อย่างไรก็ดี สื่อสหรัฐหลายแห่งรายงานว่า ในความเป็นจริงแล้ว ทรัมป์ยังไม่ชนะตามที่กล่าวอ้าง เนื่องจากรัฐที่ทรัมป์มีแนวโน้มชนะแต่ยังไม่ประกาศผลมีเพียง 2 รัฐคือ จอร์เจีย กับ นอร์ท แคโรไลนา ส่วนรัฐอื่นๆอย่างเพนซิลเวเนีย ยังมีบัตรนับคะแนนอีกนับล้านใบที่รอการนับคะแนนในเช้าวันรุ่งขึ้น
14.05
โจ ไบเดน ครองจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ทั้งหมด 224 เสียง
โดนัลด์ ทรัมป์ ครองจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ทั้งหมด 213 เสียง
13.30
โจ ไบเดน ครองจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ทั้งหมด 220 เสียง
โดนัลด์ ทรัมป์ ครองจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ทั้งหมด 213 เสียง
โดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มโกยคะแนนตีตื้นโจ ไบเดน หลังคว้าชัยชนะในรัฐสำคัญอย่าง ฟลอริดา เท็กซัส ส่วนผลคะแนนผลรัฐฐานเสียงรีพับลิกกันอย่าง มิชิแกน, วิสคอนซิน มิชิแกน และ เพนซิลเวเนีย ยังคงนับคะแนนไม่เสร็จ
13.20
โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งในรัฐเท็กซัส ส่งผลให้คะแนนปัจจุบัน ไบเดน ครองจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ทั้งหมด 220 เสียง ขณะที่ทรัมป์ตีตื้นขึ้นมาเป็น 210 เสียง
* อ้างอิง CNN (ผู้ชนะคือคนที่สามารถรวมรวบคะแนน Electoral College ได้ถึง 270 เสียงก่อน)
13.10
ทรัมป์ตีตื้น หลังไบเดนแถลงมั่นใจความชัยชนะ
โดนัลด์ ทรัมป์ ครองจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) เพิ่มเป็น 171 เสียง
หลังคว้าชัยชนะจากรัฐฟลอริดา มอนทานา และไอโอวา
ส่วน โจ ไบเดน ยังครองจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ทั้งหมด 215 เสีย
*อ้างอิงจาก CNN (ผู้ชนะคือคนที่สามารถรวมรวบคะแนน Electoral College ได้ถึง 270 เสียงก่อน)
12.50
ทรัมป์ ชนะเพิ่มที่ ฟลอริดา มอนทานา
ปธน.ทรัมป์ สามารถคว้าชัยชนะพื้นที่ 'ฟลอริดา' รัฐ Swing State ฐานเสียงสำคัญที่มีคณะผู้เลือกตั้งมากถึง 29 เสียง โดยสำหรับฟลอริดาเป็นรัฐสำคัญที่สามารถชี้ชะตาผู้คว้าชนะเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป
อย่างไรก็ดี ยังเหลือคะแนนรัฐสำคัญอีกแห่งคือ เพนซิลเวเนีย ซึ่งมีคณะผู้เลือกตั้ง 20 คน โดยผลการนำคะแนนทั้งรูปแบบการลงคะแนนล่วงหน้า และการนับคะแนนหลังปิดหีบ ยังไม่เสร็จสิ้น
โจ ไบเดน ครองจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ทั้งหมด 215 เสียง
โดนัลด์ ทรัมป์ ครองจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ทั้งหมด 165 เสียง
12.49
ภายหลังจากที่โจ ไบเดน แถลงแสดงความมั่นใจในชัยชนะชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์ โต้กลับผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว โดยมีใจความช่วงหนึ่งระบุว่า "พวกเขา (เดโมแครต) พยายามที่จะขโมยเสียงโหวต เราจะไม่ยอมให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น"
ทั้งนี้ ข้อความดังกล่าวถูกทวิตเตอร์ปิดบังการมองเห็น และเตือนว่าเป็นข้อความชี้นำ(ที่อาจไม่เป็นความจริง)
12.40
โจ ไบเดน ขึ้นแถลงแสดงความมั่นใจ ณ รัฐเดลาแวร์ในผลการเลือกตั้งงอย่างไม่เป็นทางการที่จะมาถึงในช่วงเช้าของวันที่ 4 พ.ย.ตามเวลาท้องถิ่นในสหรัฐฯ และอาจใช้เวลาในการตรวจสอบผลคะแนนอย่างเป็นทางการอีกระยะ
ไบเดน ย้ำว่า ผลการตัดสินทั้งหมดเป็นการตัดสินใจของประชาชนอเมริกัน และตนเองจะตั้งมั่งอยู่บนศรัทธาว่าเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 จะตกเป็นของตัวเอง
"เรารู้สึกดีกับสิ่งที่เป็นอยู่ จริงๆ นะ ผมมาพูดให้พวกคุณฟังคืนนี้ว่าเราเชื่อที่จะได้รับชัยชนะ"
12.27
ไบเดน ชนะเพิ่มที่ ฮาวาย
โจ ไบเดน ครองจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ทั้งหมด 213 เสียง
โดนัลด์ ทรัมป์ ครองจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ทั้งหมด 138 เสียง
12.12
ทรัมป์ ชนะเพิ่มที่ โอไฮโอ ไอดาโอ มิสซิสซิปปี
ไบเดน ชนะเพิ่มที่ เวอร์จิเนีย
ผลการนับคะแนนล่าสุด ไบเดนสามารถคว้าชัยชนะจากรัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งเป็นรัฐที่ฮิลลารีเคยชนะในการเลือกตั้งปี 2559 ส่วนการนับคะแนนในรัฐจอร์เจียยังคงดำเนินในขณะนี้ แต่คาดกันว่าทรัมป์จะเป็นผู้ชนะ
โจ ไบเดน ครองจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ทั้งหมด 205 เสียง
โดนัลด์ ทรัมป์ ครองจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ทั้งหมด 136 เสียง
**อ่้างอิงผลคะแนนจาก ABCNEWS
11.35
พรรคเดโมแครตคว้าชัยชนะ สามารถรั้งเสียงข้ามากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐด้วยคะแนน 234 ต่อ 201 (ต้องมีคะแนนเกิน 218 เสียง)
ส่วนผลการนับคะแนนเสียงวุฒิสภาสหรัฐฯ ตามรายงานของ ABCNEWS ทั้งสองพรรคยังคงสูสี พรรคแดโมแครต ได้ 41 เสียง ต่อ รีพับลิกัน 45 เสียง (ต้องมีคะแนนเกิน 51 เสียง)
11.20
ไบเดน คว้าชัยชนะในรัฐนิวเม็กซิโก แคลิฟอร์เนีย โอเรกอน วอชิงตัน ซึ่งส่วนใหญ่พื้นที่มลรัฐฝั่งตะวันตกเป็นมลรัฐฐานเสียงเดโมแครต ขณะที่ปธน. ทรัมป์ เนบราสกา ไอดาโฮ ไวโอมิง
โจ ไบเดน ครองจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ทั้งหมด 192 เสียง
โดนัลด์ ทรัมป์ ครองจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ทั้งหมด 114 เสียง
**อ้างอิงผลคะแนนจาก NBC
11:00
ปธน.ทรัมป์ คะแนนนำในเพนซิลเวเนีย แต่ยังไม่สามารถวางใจได้เพราะจำนวนบัตรเลือกตั้งของผู้ที่ออกมาลงคะแนนเสียง 'ล่วงหน้า' กำลังทยอยมาถึงเรื่อยๆ ผอ.ข่าวการเมืองของ CNN เปิดเผยตัวเลขว่าขณะนี้มีคะแนนโหวตเพียง 35% เท่านั้น ซึ่งเป็นคะแนนเสียงเพียง 18% เท่านั้น และตัวเลขนี้อาจเพิ่มขึ้นเป็น 45% ในไม่ช้าเมื่อคะแนนเสียงผู้เลือกตั้งล่วงหน้าในมลรัฐเพนซิลเวนียเริ่มถูกนับ
โจ ไบเดน ครองจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ทั้งหมด 192 เสียง
โดนัลด์ ทรัมป์ ครองจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ทั้งหมด 108 เสียง
**อ้างอิงจาก CNN (ผู้ชนะคือคนที่สามารถรวมรวบคะแนน Electoral College ได้ถึง 270 เสียงก่อน)
10:30
โจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งที่มลรัฐ โคโลราโด
ครองจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ทั้งหมด 98 เสียง
โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งที่มลรัฐ แอละบามา อาร์คันซอ เซาธ์ดาโกตา เทนเนสซี
ครองจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ทั้งหมด 95 เสียง
**อ้างอิงจาก CNN (ผู้ชนะคือคนที่สามารถรวมรวบคะแนน Electoral College ได้ถึง 270 เสียงก่อน)
10:00
โจ ไบเดน ครองจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ทั้งหมด 89 เสียง
โดนัลด์ ทรัมป์ ครองจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ทั้งหมด 72 เสียง
09:30
CNN รายงานว่า เอ็กซิตโพล์ชี้ กลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกอายุไม่เกิน 30 ปี ในพื้นที่ตะวันตกตอนกลาง (Midwest) ต่างเทคะแนนให้โจ ไบเดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมลรัฐโอไฮโอ วิสคอนซิน และเพนซิลเวเนีย ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกลุ่มนี้ 6 ใน 10 คนตัดสินใจเลือกผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต แม้กระทั่งชาวอเมริกันผิวขาวที่จบการศึกษาขั้นต่ำในระดับปริญญาตรีก็เลือกที่จะโหวตให้ไบเดนเช่นกัน
09:00
โจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งที่มลรัฐ แมสซาชูเสตส์ เวอร์มอนต์ แมสซาชูเสตส์ เดลาแวร์ แมรีแลนด์ นิวเจอร์ซีย์ และนิวยอร์ก
โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งที่มลรัฐ อินเดียนา เคนทักกี โอกลาโฮมา
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประจำปีนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงมากมาย และจะเป็นการชี้ชะตาไม่เพียงแค่สหรัฐฯเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนานาประเทศที่จะได้รับผลกระทบจากนโยบายของผู้นำสหรัฐฯคนใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การเลือกตั้งสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในการเลือกตั้งที่มีความซับซ้อนที่สุด คะแนนดิบหรือ Popular Vote นั้นไม่อาจชี้ชะตาได้ทันทีว่า โดนัล ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน หรือ โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต จะได้นั่งตำแหน่งผู้นำคนต่อไป
VOA Thai อธิบายไว้ว่า "ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ ผู้ชนะต้องได้คะเเนนจากตัวเเทนคณะผู้เลือกตั้งหรือ Electoral College มากกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง
ในการเก็บคะเเนนจากคณะผู้เลือกตั้งในแต่ละรัฐ ผู้สมัครต้องได้คะเเนนจากประชาชนในรัฐนั้นๆ มากกว่าคู่แข่ง ซึ่งแต่จะรัฐมีการจัดสรรจำนวนตัวแทน Electoral College ต่างกัน ตามจำนวนประชากร
ตัวแทน Electoral College ของรัฐ แม้จะมีหลายคน แต่จะลงคะเเนนสนับสนุนไปในทางเดียวกันทั้งหมด ให้กับผู้ที่ได้คะเเนนโหวตสูงสุดจากประชากรของรัฐ อย่างไรก็ตาม มีสองรัฐที่ตัวแทน Electoral College ไม่จำเป็นต้องโหวตไปในทางเดียวกันคือในรัฐเมนและเนบราสกา
เมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดี 4 ปีก่อน ทรัมป์ได้คะเเนนจาก Electoral College มากกว่าฮิลลารี คลินตัน แม้ว่าเธอได้คะเเนนรวมจากประชากรทั่วประเทศมากกว่าทรัมป์
ตามกำหนด คณะผู้เลือกตั้งหรือ Electoral College จะประชุมกันวันที่ 14 ธันวาคม เพื่อลงคะเเนนอย่างเป็นทางการว่าใครจะเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป ผู้ชนะการเลือกตั้งต้องได้คะเเนนจากผู้แทน Electoral College จำนวน อย่างน้อย 270 คนจาก Electoral College ที่มีตัวแทนทั้งหมด 538"