มาร์การิตา โรเบิลส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสเปน ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ El Pais กรณีเรือดำน้ำรุ่นใหม่ เอส-80 พลัส ที่ออกแบบและประกอบโดยบริษัทในความควบคุมของรัฐบาล 'นาบันเชีย' ไม่สามารถจอดเทียบท่าในฐานทัพเรือการ์ตาจีนา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสเปน เนื่องจากมีการปรับแบบเพิ่มเติม
โรเบิลส์ ระบุว่า รัฐบาลจะพิจารณางบเพิ่มเติมอีก 14 ล้านยูโร (ประมาณ 532 ล้านบาท) เพื่อขยายท่าเรือให้สามารถรองรับเรือดำน้ำใหม่ได้
สื่อสเปน ระบุว่า การขยายท่าเรือจะทำให้งบประมาณที่รัฐบาล และกองทัพใช้สำหรับเรือดำน้ำใหม่จะสูงเกือบถึง 1,000 ล้านยูโร (ราว 38,000 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่าของงบประมาณที่เคยตั้งไว้สมัยที่มีการเสนอโครงการครั้งแรกเมื่อปี 2542
ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นประเด็นสืบเนื่องจากการปรับแบบเรือดำน้ำใหม่ของกองทัพเรือสเปน หลังจากที่การทดสอบเมื่อปี 2556 พบว่าเรือดำลงใต้น้ำแล้วไม่สามารถโผล่ขึ้นมาได้ เพราะหนักเกิน ทำให้รัฐบาลต้องว่าจ้างให้บริษัทต่อเรือจากสหรัฐอเมริกามาคำนวณปรับแก้แบบให้ ซึ่งต้องใช้งบเพิ่มอีก 14 ล้านยูโร (532 ล้านบาท) และบริษัทดังกล่าวสรุปว่าจะต้องเพิ่มความยาวเรืออีก 10 เมตรสำหรับทุ่นขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้เรือลอยขึ้นมาได้
การปรับแบบและเพิ่มทุ่น ทำให้เรือดำน้ำรุ่น เอส-80 ถูกพัฒนาเป็นรุ่น เอส-80 พลัส และเรือมีความยาวเพิ่มขึ้นจากเดิม 71 เมตร เป็น 81 เมตร จึงไม่สามารถนำไปเทียบท่าเรือบริเวณฐานทัพการ์ตาจีนาซึ่งมีความยาว 78 เมตรได้ จึงจำเป็นจะต้องขยายท่าเรือเพื่อรองรับเรือดำน้ำใหม่ เนื่องจากรัฐบาลชุดปัจจุบันลงมติว่าโครงการเรือดำน้ำเดินหน้ามาไกลเกินกว่าจะล้มเลิกไป
ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าความผิดพลาดด้านการคำนวณและออกแบบที่เกิดขึ้นในสมัยอดีตรัฐบาล สะท้อนความหละหลวมของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะมีผู้ใดรับผิดชอบความผิดพลาดที่เกิดขึ้นหรือไม่ โดยเรือดำน้ำรุ่นใหม่ของสเปนราคาแพงกว่าเรือดำน้ำที่อิสราเอลว่าจ้างให้เยอรมนีออกแบบให้เกือบเท่าตัว เพราะเรือดำน้ำของอิสราเอลจะใช้งบประมาณ 400-600 ล้านยูโรเท่านั้น
ที่มา: BBC/ El Pais/ The Guardian
(หมายเหตุ: ภาพประกอบเป็นขบวนเรือรบของกองทัพเรือสเปน)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: