พล.ท. พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการ กสทช. กล่าวในรายการ Wake Up News ประจำวันที่ 3 มิ.ย. 2561 เกี่ยวกับกรณีหนังสือชี้แจงการใช้คำหยาบคาย ในรายการโทรทัศน์ ประเภท ท. (ทุกวัย) ว่า เป็นการเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนกัน กสทช. ไม่ได้อนุญาตให้ใช้คำเหล่านี้ออกอากาศได้ แต่ในกระบวนการตรวจสอบนั้น ได้เชิญช่องโทรทัศน์ที่ถูกร้องเรียนเข้ามารับทราบและชี้แจง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า การใช้คำหยาบนั้นอยู่ในบริบทของการพูดคุยกันของชาวบ้าน แต่ทั้งนี้ได้มีการตักเตือนทางช่องไปแล้ว โดยให้ลดการใช้คำเหล่านี้ลง และแนะนำไปด้วยว่าให้ขึ้นข้อความเตือนระหว่างออกอากาศด้วย
พล.ท. พีระพงษ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา กสทช. จะไม่ใช้อำนาจเพื่อความสะใจ แต่อยู่ในฐานะที่ต้องดูบริบทของเรื่องและความเป็นไปของกิจการโทรทัศน์ทั้งหมด การพิจารณาข้อร้องเรียนต่างๆ ต้องผ่านการวินิจฉัยและตรวจสอบจากอนุกรรมการเสมอ
ส่วนกรณีของ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก ที่พูดคำไม่เหมาะสมออกอากาศในช่องโทรทัศน์ช่องหนึ่งนั้น ที่ตอนแรก กสทช. ออกมาชี้แจงว่าสามารถพูดได้ไม่ผิด พล.ท.พีระพงษ์ ชี้แจงว่า เรื่องนี้กำลังอยู่ในกระบวนการ โดยเริ่มจาก กสทช. ตรวจสอบจากสถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดินแล้วไม่พบการพูดคำหยาบเยอะ ต่อมามีการร้องเรียนว่าพบรายการอยู่ในช่องทางดาวเทียม ซึ่งตอนนี้อยู่ในกระบวนการส่งเรื่องให้อนุกรรมการวินิจฉัย และจะส่งหนังสือเชิญเจ้าตัวให้มาชี้แจง พร้อมยืนยันว่ามาตรฐานสถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดินกับดาวเทียมใช้เหมือนกัน
ด้าน ผศ. ภักดี มะนะเวศ รองเลขาธิการ กสทช. กล่าวถึงกรณีหนังสือการใช้คำหยาบว่า จดหมายที่ออกไปนั้นเป็นการแจ้งผลของมติคณะกรรมการ กสทช. เนื้อหาที่ออกไปเป็นเพียงเนื้อหาในแง่มุมหนึ่ง ซึ่งในขั้นตอนนั้นมีการเชิญผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจง ซึ่งทาง กสทช. ไม่เห็นชอบกับการใช้คำหยาบออกอากาศ โดยให้เงื่อนไขว่า ดูดเสียง หรือเปลี่ยนบทไปเลย เพื่อให้รายการอยู่ในเรท ท. (ทุกวัย) ได้
ส่วนกรณีของ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก ขณะนี้ได้รับเรื่องแล้ว เหลือนำส่งอนุกรรมการกลั่นกรอง เมื่อมีมติออกมาเช่นไรจะนำเข้าที่ประชุม กสทช. โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ถึงจะรู้ผล