เมื่อเปิดตลาด ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ขึ้นไปแตะ 26,992 จุด เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยเพิ่มขึ้น 208 จุด หรือราวร้อยละ 0.8 ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 และมีแนวโน้มแตะจุดสูงสุดในวันพฤหัสบดี (11 กรกฏาคม ตามเวลาท้องถิ่น) ด้านดัชนีแนสแด็ก (Nasdaq) ที่ปิดตลาดด้วยจุดสูงสุดที่ 8,203 จุด ในพุธ ปรับตัวติดลบเล็กน้อย
แนวโน้มลดดอกเบี้ยกระตุ้นตลาดหุ้น
สิ่งที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังสะท้อนออกมา คือความเชื่อมั่นว่า 'เจอโรม เพาเวลล์' ประธานธนาคารกลางของสหรัฐฯ (เฟด) จะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในช่วงปลายเดือนนี้อย่างแน่นอน หลังเพาเวลล์เดินทางไปแสดงพยานหลักฐานต่อหน้าคณะกรรมาธิการวุฒิสภาสหรัฐอเมริกาด้านการธนาคาร (Senate Banking Committee) และ คณะกรรมการสภาบริการทางการเงินของสหรัฐอเมริกา (House Financial Services Committee )ในวันพุธที่ผ่านมา
"เราโฟกัสการทำงานตามที่คุณมอบให้ และจะทำให้ดีที่สุดบนพื้นฐานการวิเคราะห์และความจริง" เพาเวลล์ กล่าว
โดยเพาเวลล์พูดถึงเงินเฟ้อที่อยู่ต่ำกว่าเป้าหมายของเฟดที่ร้อยละ 2 อย่างต่อเนื่อง และยังมีความไม่แน่นอนทางการค้าและสภาพเศรษฐกิจโลกเป็นปัจจัยบั่นทอนเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งนักลงทุนต่างตีความหมายไปในทางเดียวกันว่าโพเวลล์กำลังส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ตามข้อมูลจาก CME's FedWatch นักลงทุนกว่าร้อยละ 80 มั่นใจว่าเฟดจะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 ในการประชุมวันที่ 31 กรกฏาคม ที่จะถึงนี้ ขณะที่อีกร้อยละ 20 หวังว่าการปรับลดครั้งนี้จะอยู่ที่ 50 จุด (BPS) หรือร้อยละ 0.5
ขณะที่หนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานเพิ่มเติมว่า การปรับตัวแตะระดับจุดสูงสุดของดาวโจนส์ในครั้งนี้ เป็นผลมาจากอุตสาหกรรมสุขภาพ หลังจากที่คณะรัฐบาลของโดนัลล์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตัดสินใจทิ้งแผนตัดงบกว่าพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทิ้งไป ส่งผลให้หุ้นของผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพและบริการ (UnitedHealth Group) ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 200 จุด และดึงให้ดาวโจนส์ขึ้นเช่นเดียวกัน