ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดวันพุธ (19 ธ.ค.) ด้วยความโกลาหลหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน โดยปรับขึ้นจากร้อยละ 2.25 เป็นร้อยละ 2.50 แม้เฟดจะออกมาปรับลดประมาณการในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2562 เหลือเพียง 2 ครั้งจากที่คาดการณ์ตอนแรก 3 ครั้ง แต่ดูเหมือนว่าตลาดจะไม่ได้นิ่งลงแม้แต่น้อย
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตัวตลาดลดลง 351.98 จุด ซึ่งถือว่าเป็นการปิดตลาดต่ำที่สุดในรอบปีนี้ที่ 23,323.66 ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ตกลงร้อยละ 1.5 ต่ำสุดในรอบปีที่ 2,506.96 หลังจากหุ้นในส่วนธนาคารและเทคโนโลยีสะดุดลง ด้านดัชนีแนสแด็กปิดตัวต่ำสุดในรอบปีเช่นเดียวกัน โดยปรับลดลงร้อยละ 2.1 ที่ 6,636.83
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์และดัชนีเอสแอนด์พี 500 กำลังอยู่ในช่วงเดือนธันวาคมที่แย่ที่สุดตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในปี 2474 เดือนธันวาคมนี้ ทั้งดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 หุ้นตกไปแล้วกว่าร้อยละ 8 และ 9 ตามลำดับ ดัชนีเอสแอนด์พีของปี 2561 อยู่ในแดนลบถึงร้อยละ 6.3 ในขณะที่ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เสียไปกว่า 1,250 จุด ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
หุ้นในส่วนต่างๆ พาเหรดตกลงเช่นเดียวกันหลังจากเฟดประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ย บริษัทเกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิ บริษัท ทาร์เก็ต, แอมะซอน, นีเวลล์ แบรนด์ และ นอร์ดสตอร์ม ปิดตัวลดลงร้อยละ 3 ในขณะที่ธนาคารอย่าง ซิตี้กรุ๊ป และ เวลส์ ฟาร์โก ราคาปิดตลาดลดลงมากกว่าร้อยละ 1.5
บริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์อากาศยานและยุทโธปกรณ์ อย่าง โบอิงค์ ซึ่งเคยดึงให้ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์สูงขึ้นในตอนแรก ก็ตกลงที่ร้อยละ 2.5 ในขณะที่กลุ่มบริษัทในเครือ 3เอ็ม หุ้นตกกว่าร้อยละ 2.3 และด้านบริษัทยูเอสสตีลสูญเสียกว่าร้อยละ 6
ก่อนหน้าจะมีมติคำตัดสินจากธนาคารกลางของสหรัฐฯให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีใจความดังนี้
“ผมหวังว่าคนที่เฟดจะได้อ่านหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล ก่อนที่จะตัดสินใจทำเรื่องผิดพลาดอีกครั้ง อีกอย่าง อย่าปล่อยให้ตลาดอ่อนตัวกว่าที่มันเป็นอยู่เลย หยุดไอ้แผน 5 หมื่นล้านนั่นเถอะ ดูตลาดบ้าง อย่าไปสนใจตัวเลขไร้ความหมายให้มันมาก โชคดี!” ทรัมป์ทวีต
คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FOMC จะได้อ่านหนังสือพิมพ์อย่างที่ทรัมป์แนะนำก่อนตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ แต่เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นครั้งนี้สร้างความผันผวนอย่างหนักในตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :