สนามบินญี่ปุ่นเตรียมติดตั้งระบบตรวจจับใบหน้าสำหรับตรวจสอบผู้โดยสารต่างชาติในเที่ยวบินขาออกระหว่างประเทศ ซึ่งจะลดกระบวนการตรวจสอบเอกสารก่อนเดินทางให้เหลือเพียงแค่ 15 วินาทีเท่านั้น
ในปี 2019 ญี่ปุ่นจะเริ่มนำเอาเทคโนโลยีจดจำใบหน้ามาใช้ในสนามบินหลักของประเทศเพื่อตรวจสอบผู้โดยสารต่างชาติ ที่จะเดินทางออกจากญี่ปุ่น โดยก่อนหน้านี้เคยมีการติดตั้งเครื่องลักษณะคล้ายกันในสนามบินฮาเนดะ กรุงโตเกียวแล้ว แต่ระบบใหม่นี้จะช่วยลดเวลาในการประมวลผลผู้โดยสาร และทำให้เจ้าหน้าที่สามารถเฝ้าระวังการก่อการร้ายได้มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่จะจัดขึ้นที่กรุงโตเกียว ในปี 2020
โดยวิธีการทำงานของช่องสแกนใบหน้านี้จะเปรียบเทียบใบหน้ากับข้อมูลภาพที่ฝังอยู่ในไมโครชิปของหนังสือเดินทาง โดยประตูจะเปิดอัตโนมัติ ถ้าใบหน้าตรงกับข้อมูลในระบบ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดใช้เวลาเพียง 15 วินาทีเท่านั้น โดยข้อมูลใบหน้าจะถูกลบออกทันทีหลังตรวจเสร็จสิ้น เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
ก่อนหน้านี้ได้มีการนำช่องตรวจเอกสารอัตโนมัติมาใช้กับคนญี่ปุ่นที่เดินทางกลับเข้าประเทศ และมีเพียง 3 ช่องเท่านั้น โดยจะมีการเปิดช่องเพิ่มเพื่อให้คนต่างชาติใช้งานด้วย และจะเพิ่มจำนวนไปมากถึง 137 ช่อง ในสนามบินนานาชาติหลายแห่งทั่วญี่ปุ่น ทั้งฮาเนดะ นาริตะ คันไซ และฟุกุโอกะ ภายในปีนี้
สำนักการท่องเที่ยวญี่ปุ่นเผยข้อมูลว่า มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาญี่ปุ่นในปีที่แล้วราว 28.69 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19.3 เปอร์เซ็นต์จากปี 2016 และรัฐบาลก็มีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเป็น 40 ล้านคนภายในปี 2020 ที่กรุงโตเกียวจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และหวังจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเป็น 60 ล้านคนภายในปี 2030
ในปี 2007 ญี่ปุ่นเคยเปิดช่องสแกนลายนิ้วมืออัตโนมัติ เพื่อลดกระบวนการตรวจสอบคนเข้าเมือง แต่วิธีนี้กลับไม่เป็นที่นิยม เพราะนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นและต่างชาติจะต้องลงทะเบียนลายนิ้วมือกับรัฐช่วงหน้าเสียก่อน โดยมีผู้โดยสารเพียง 7.9 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ใช้ระบบนี้ในปี 2016 ในขณะที่การสแกนใบหน้าอาจจะได้ผลตอบรับที่ดีกว่า เพราะไม่ต้องเสียเวลาไปลงทะเบียนล่วงหน้า