ที่ผ่านมา จีนเป็นแหล่งขุดและซื้อขายบิทคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก แต่ช่วงหลังมานี้ รัฐบาลจีนได้เข้ามาปราบปรามธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบิทคอยน์มากขึ้น ทำให้หลายบริษัทก็ย้ายที่ตั้ง และแคนาดาก็เป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายยอดนิยม
ข้อมูลของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ระบุว่า ที่ผ่านมา การขุดบิทคอยน์กว่าร้อยละ 60 เกิดขึ้นในจีน แต่หลังจากที่รัฐบาลจีนเริ่มปราบปราบการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลไปเมื่อปี 2017 เนื่องจากบิทคอยน์ไม่ได้ถูกควบคุมด้วยธนาคารกลางเหมือนกับสกุลเงินทั่วไป แต่เป็นเงินที่ถูกขุดขึ้นมาด้วยระบบของคอมพิวเตอร์ และจะทำให้มีคนนโยกเงินออกนอกประเทศได้ง่ายขึ้น ดังนั้น นักขุดบิทคอยน์ทั้งหลายก็เริ่มตกเป็นเป้าโจมตีมากขึ้นด้วย
การขุดบิทคอยน์ต้องใช้ระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ในการเปิดซอฟต์แวร์แก้โจทย์ทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน เพื่อขุดบิทคอยน์ขึ้นมาและทำไปขายต่อ ดังนั้น การขุดบิทคอยน์จึงต้องใช้ไฟฟ้ามหาศาล ซึ่งจีนมีค่าไฟฟ้าถูก และพื้นที่ชนบทของจีนก็มีราคาถูก เหมาะสำหรับการสร้างโรงงานขุดบิทคอยน์
นายแจ็ก เหลียว ซีอีโอบริษัท Lightningasic บริษัทขุดบิทคอยน์ในเมืองเซินเจิ้นเปิดเผยกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับธุรกิจขุดบิทคอยน์ในจีน และเขากำลังคิดว่าจะต้องย้ายบริษัทไปต่างประเทศ เพราะทนแรงกดดันจากรัฐบาลจีนไม่ไหว โดยรัฐบาลจีนต้องการให้นักขุดบิทคอยน์ออกจากอุตสาหกรรมนี้ตามคำสั่งของรัฐบาล เพราะการขึดบิทคอยน์ทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่เสียภาษีและเสี่ยงเกิดไฟไหม้
นายเหลียวเปิดเผยว่า เขากำลังพิจารณาว่าจะย้ายบริษัทไปที่สหรัฐฯ แคนาดา หรือไอซ์แลนด์ โดยประเทศที่จะเหมาะกับการตั้งบริษัทขุดบิทคอยน์จะต้องไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับสกุลเงินดิจิทัล มีพลังงานไฟฟ้าที่เพียงพอและเสถียรทั้งวันทั้งคืน รวมถึงต้องมีค่าไฟถูกด้วย เพราะการขุดบิทคอยน์ต้องใช้พลังงานมากพอๆกับเครื่องบินโบอิง 747 นอกจากนี้ ยังควรต้องมีอากาศเย็น เพื่อไม่ให้เซิร์ฟเวอร์ร้อนเกินไป ซึ่งนักธุรกิจจีนหลายคนมองว่า แคนาดาเป็นประเทศที่เหมาะสมที่สุด
บริษัทไฮโดร ควิเบก ผู้จำหน่ายไฟรายใหญ่ในภาคตะวันออกของแคนาดาเปิดเผยว่า บริษัทได้รับคำร้องจากบริษัทขุดบิทคอยน์ของจีนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปี 2017 จนปัจจุบันมีโครงการขุดบิทคอยน์ประมาณ 30 โครงการในพื้นที่การจำหน่ายไฟของไฮโดร ควิเบก แต่ยังไม่มีข้อมูลเปิดเผยออกมาว่ามีบริษัทขุดบิทคอยน์ในแคนาดาทั้งหมดเท่าไหร่
อย่างไรก็ตาม นายเหลียวกล่าวว่า การย้ายบริษัทไปต่างประเทศก็ยังต้องใช้เวลานานหลายเดือนในการหาสถานที่ตั้งบริษัท ซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และจ้างพนักงานดูแลระบบใหม่ และการตั้งบริษัทใหม่ก็อาจต้องเสียเงินลงทุนใหม่หลายร้อยล้านดอลลาร์เลยทีเดียว ขณะที่ราคาบิทคอยน์ก็ผันผวนสูง