ภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทั้งบนบกและในน้ำ ล่าสุดนักวิจัยจากสหประชาชาติได้ออกโรงเตือนว่า พื้นที่ขาดออกซิเจนในมหาสมุทรขยายวงกว้างขึ้นถึง 4 เท่า เมื่อเทียบกับเกือบ 70 ปีก่อน
ทีมนักวิทยาศาสตร์จาก Global Oxygen Network ที่ตั้งขึ้นโดยคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยสมุทรศาสตร์แห่งสหประชาชาติ เมื่อปี 2016 ออกมาเตือนถึงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าเป็นห่วง หลังพบว่ามี Dead Zones หรือ พื้นที่ที่ค่าออกซิเจนลดต่ำลงจนสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ไม่ได้ ในมหาสมุทรทั่วโลกขยายวงกว้างขึ้นถึง 4 เท่า จากเมื่อทศวรรษที่ 1950 ขณะที่ ภาวะพร่องออกซิเจนบริเวณชายฝั่งก็เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า
เหตุการณ์เช่นนี้เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิน้ำในมหาสมุทรด้วย ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นจากแก๊สเรือนกระจก ตลอดจนปฏิกูลจากครัวเรือน และกากของเสียจากการเกษตร
รายงานดังกล่าวยังระบุด้วยว่า การกระทำของมนุษย์กำลังเปลี่ยนแปลงชีวธรณีเคมีในมหาสมุทรโลก และกระตุ้นให้ความต้องการใช้ออกซิเจนของพืชและสัตว์เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งภาวะเช่นนี้อาจนำไปสู่การล่มสลายของระบบนิเวศ ส่งผลเสียร้ายแรงต่อเศรษฐกิจและสังคม
นักวิทยาศาสตร์ในโครงการแนะนำว่า สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกคือมุ่งปกป้องสิ่งมีชีวิตในทะเลที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ด้วยการกำหนดเขตห้ามจับ-ห้ามตกปลา และเพิ่มเขตเฝ้าระวังระดับออกซิเจนในน้ำอย่างจริงจังและเป็นระบบ เพื่อให้สามารถรับมือการปรับตัวลดลงของปริมาณออกซิเจนได้อย่างทันท่วงที