คณะรัฐมนตรีของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ บังคับใช้มาตรการคัดกรองคนเข้าเมืองใหม่ โดยกำหนดให้ผู้ยื่นขอวีซ่าสหรัฐฯ แทบทุกชนิด จำเป็นต้องแจ้งชื่อบัญชีโซเชียลมีเดียของตัวเองที่ใช้งานในช่วง 5 ปีล่าสุด พร้อมอีเมล และหมายเลขโทรศัพท์
สำนักข่าว BBC รายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้อัปเดตแบบฟอร์มยื่นขอวีซ่าชั่วคราว DS-160 และแบบฟอร์มยื่นขอวีซ่าถาวร DS-260 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2019 ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้ผู้ยื่นขอวีซ่าระบุชื่อบัญชีโซเชียลมีเดียที่ใช้งานในช่วง 5 ปีล่าสุด รวมถึงหมายเลขโทรศัพท์ และอีเมลด้วย เพื่อคัดกรองนักเดินทางและผู้อพยพ
ทั้งนี้ มีเพียงวีซ่าการทูตและวีซ่าราชการบางชนิดเท่านั้น ที่จะได้รับการยกเว้นจากมาตรการใหม่นี้ และหากผู้ยื่นขอวีซ่าไม่ได้ใช้โซเชียลมีเดียก็สามารถระบุได้ว่าไม่ได้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม ทางการระบุว่าหากผู้ยื่นขอวีซ่าให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการใช้งานโซเชียลมีเดียอาจพบกับบทลงโทษที่รุนแรงได้ โดยนโยบายใหม่นี้ถูกเสนอเมื่อเดือนมีนาคม 2018 และคาดว่าจะกระทบกับชาวต่างชาติที่ยื่นขอวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ปีละ 14.7 ล้านคน แบ่งเป็นผู้ยื่นขอวีซ่าชั่วคราว 14 ล้านคน และผู้ยื่นขอวีซ่าถาวร 710,000 คน
แต่เดิมการคัดกรองด้วยการตรวจสอบประวัติการใช้งานโซเชียลมีเดีย อีเมล และหมายเลขโทรศัพท์ใน เป็นมาตรการที่ใช้เฉพาะกับผู้ยื่นขอวีซ่าที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษเท่านั้น เช่น ผู้ที่เคยเดินทางไปยังประเทศที่ถูกควบคุมโดยกลุ่มผู้ก่อการร้าย ซึ่งมีการประมาณการณ์ว่ามีผู้ตกอยู่ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าวปีละประมาณ 65,000 ราย
กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงว่า ความมั่นคงของชาติสำคัญเป็นอันดับแรก เมื่อมีการปรับแก้แบบฟอร์มการยื่นขอวีซ่าครั้งนี้ นักเดินทางและผู้อพยพที่เดินทางมายังสหรัฐฯ ในอนาคตทุกคนจะต้องได้รับการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยทางกระทรวงฯ ระบุเพิ่มเติมว่าได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อหากลไกในการพัฒนากระบวนการคัดกรองเพื่อปกป้องพลเมืองสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน ก็สนับสนุนการเดินทางมาสหรัฐฯ อย่างถูกกฎหมายเช่นเดียวกัน