วันที่ 20 ก.พ. 2563 นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากการพบกับนักวิเคราะห์และนักลงทุนสถาบันวันนี้ นักลงทุนมีความเป็นห่วงในหลายประเด็น โดยเฉพาะความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายปี 2563 ซึ่งในส่วนของงบลงทุน 6.4 แสนล้านบาท ทางสำนักงบประมาณยืนยันว่างบฯ 3.5 แสนล้านบาท พร้อมให้เบิกจ่ายได้ทันที เมื่อร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายปี 2563 มีผลบังคับใช้ ฉะนั้นภายในไตรมาส 2/2563 คาดว่าจะมีเม็ดเงินกว่า 4 แสนล้านบาทจะเข้าสู่ระบบ
ส่วนอีก 2.4 แสนล้านบาท อยู่ระหว่างการทำ TOR คาดว่าจะใช้เวลาราว 45-50 วัน น่าจะมีความชัดเจน ซึ่งในช่วงระหว่างไตรมาสที่ 2-3 จะมีการขับเคลื่อนการลงทุนให้มากที่สุด ดังนั้นมั่นใจว่างบประมาณปี 2563 จะสามารถเบิกจ่ายได้ถึงร้อยละ 80 ของงบประมาณรายจ่ายที่ 3.2 ล้านล้านบาท แม้มีระยะเวลาใช้เพียง 6 เดือน
รมว.คลัง ยังระบุว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในระยะต่อไป คาดการณ์ว่า จะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงเดือน มิ.ย. - ก.ค. หลังการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวให้ฟื้นตัวขึ้น แต่ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับภาวะเศรษกิจโลกด้วย เพราะยังมีปัญหาแทรกซ้อน โดยเฉพาะการระบาดของไวรัสโควิด-19 ดังนั้นยังคงต้องประเมินผลกระทบอย่างต่อเนื่อง แต่เชื่อว่ามาตรการที่ออกมาจะช่วยให้เศรษฐกิจ ซึ่งหากเศรษฐกิจโลกดีขึ้นประเทศไทยต้องพร้อมที่จะกลับมาได้ทันที
นอกจากนี้ รมว.คลัง ยืนยันว่า พร้อมให้ความช่วยเหลือภาคตลาดทุนอย่างเต็มที่ หากต้องการให้กระทรวงการคลังออกมาตรการในการดูแลพิเศษใดๆ ออกมาก็สามารถเสนอได้ เพราะกระทรวงการคลังมองว่าภาคตลาดทุนเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจที่สำคัญอีกด้านหนึ่ง ซึ่งกระทรวงการคลังพร้อมร่วมโรดโชว์กับตลท.เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติด้วย
ด้านนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงในช่วงนี้เป็นผลมาจากนักลงทุนให้ความสำคัญกับปัจจัยระยะสั้นมากเกินไป และนักลงทุนต่างประเทศระยะยาวไม่มากพอ ดังนั้นจึงไม่ต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการพยุงตลาดระยะสั้น เนื่องจากมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น โดยอยากให้เป็นไปตามกลไกของตลาด แต่สำคัญสุดรัฐบาลจำเป็นที่จะต้องสร้างความเชื่อมั่นเพื่อให้มีเม็ดเงินออมมากขึ้น