ไม่พบผลการค้นหา
รมว.คลัง พบ นักวิเคราะห์นักลงทุนสถาบัน แจงแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างความเชื่อมั่น ยันงบประมาณปี 2563 เบิกจ่ายได้ถึงร้อยละ 80 เศรษฐกิจฟื้นเดือน มิ.ย. เปิดทาง ตลท. หากต้องการมาตรการพิเศษ ด้าน FETCO ไม่หวังมาตรการกระตุ้นตลาดทุนระยะสั้น

วันที่ 20 ก.พ. 2563 นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากการพบกับนักวิเคราะห์และนักลงทุนสถาบันวันนี้ นักลงทุนมีความเป็นห่วงในหลายประเด็น โดยเฉพาะความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายปี 2563 ซึ่งในส่วนของงบลงทุน 6.4 แสนล้านบาท ทางสำนักงบประมาณยืนยันว่างบฯ 3.5 แสนล้านบาท พร้อมให้เบิกจ่ายได้ทันที เมื่อร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายปี 2563 มีผลบังคับใช้ ฉะนั้นภายในไตรมาส 2/2563 คาดว่าจะมีเม็ดเงินกว่า 4 แสนล้านบาทจะเข้าสู่ระบบ

ส่วนอีก 2.4 แสนล้านบาท อยู่ระหว่างการทำ TOR คาดว่าจะใช้เวลาราว 45-50 วัน น่าจะมีความชัดเจน ซึ่งในช่วงระหว่างไตรมาสที่ 2-3 จะมีการขับเคลื่อนการลงทุนให้มากที่สุด ดังนั้นมั่นใจว่างบประมาณปี 2563 จะสามารถเบิกจ่ายได้ถึงร้อยละ 80 ของงบประมาณรายจ่ายที่ 3.2 ล้านล้านบาท แม้มีระยะเวลาใช้เพียง 6 เดือน

รมว.คลัง ยังระบุว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในระยะต่อไป คาดการณ์ว่า จะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงเดือน มิ.ย. - ก.ค. หลังการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวให้ฟื้นตัวขึ้น แต่ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับภาวะเศรษกิจโลกด้วย เพราะยังมีปัญหาแทรกซ้อน โดยเฉพาะการระบาดของไวรัสโควิด-19 ดังนั้นยังคงต้องประเมินผลกระทบอย่างต่อเนื่อง แต่เชื่อว่ามาตรการที่ออกมาจะช่วยให้เศรษฐกิจ ซึ่งหากเศรษฐกิจโลกดีขึ้นประเทศไทยต้องพร้อมที่จะกลับมาได้ทันที

นอกจากนี้ รมว.คลัง ยืนยันว่า พร้อมให้ความช่วยเหลือภาคตลาดทุนอย่างเต็มที่ หากต้องการให้กระทรวงการคลังออกมาตรการในการดูแลพิเศษใดๆ ออกมาก็สามารถเสนอได้ เพราะกระทรวงการคลังมองว่าภาคตลาดทุนเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจที่สำคัญอีกด้านหนึ่ง ซึ่งกระทรวงการคลังพร้อมร่วมโรดโชว์กับตลท.เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติด้วย 

ด้านนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงในช่วงนี้เป็นผลมาจากนักลงทุนให้ความสำคัญกับปัจจัยระยะสั้นมากเกินไป และนักลงทุนต่างประเทศระยะยาวไม่มากพอ ดังนั้นจึงไม่ต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการพยุงตลาดระยะสั้น เนื่องจากมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น โดยอยากให้เป็นไปตามกลไกของตลาด แต่สำคัญสุดรัฐบาลจำเป็นที่จะต้องสร้างความเชื่อมั่นเพื่อให้มีเม็ดเงินออมมากขึ้น